
มันยากแค่ไหนในการต่อสู้กับการเรียกความฟิตกลับคืนมา?
"นักสรีระของทีมทุกคนดีต่อผมมากตลอดซัมเมอร์ การได้ลุกขึ้นมาที่นี่ทุกวันในขณะที่คนอื่นๆ หยุดพักมันเป็นอะไรที่ยาก แต่จุดมุ่งหมายของผมคือการได้กลับลงสนามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะได้ลงเล่นตั้งแต่ต้นฤดูกาลนี้ ตั้งแต่ที่ผมได้รับการบาดเจ็บผมได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทุกๆ คน"
สิ่งที่สำคัญก็คือแฟนๆ ไม่ได้เห็นว่าคุณแข็งแรงมากขึ้นแค่ไหนหลังจากได้รับอาการบาดเจ็บ เพราะตั้งแต่วันที่คุณเข้ารับการผ่าตัดคุณก็นั่งอยู่ในโรงพยาบาลและบอกเพียงว่าเมื่อไรคุณจะได้กลับมาเล่นอีกครั้ง
"ผมคิดว่าเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วคุณก็ย้อนกลับไปไม่ได้ และผมก็เปลี่ยนอาการบาดเจ็บของผมไม่ได้ สิ่งที่โชคดีสำหรับผมที่ผมเคยบอกกับพ่อและแม่ของผมก็คือ ผมอยู่ในที่ที่ถูก กับคนที่ถูก และในเวลาที่ถูก ในบ่ายวันอาทิตย์หลังจากที่ผมได้รับบาดเจ็บผมก็ได้ขาของผมกลับมาเข้าที่เข้าทาง โค้งงออย่างได้รูปของมัน เพียงแค่วันเดียวมันก็เร็วมากแล้ว และหลังจากนั้น ผมก็แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ"
เห็นได้ชัดว่าคุณรู้ว่าอาการบาดเจ็บนี้หนักหนามากแต่คุณก็ยังมองยังอนาคต
"ผมคิดว่ามันดีที่เราจะมีเป้าหมาย และทุกคนก็บอกผมว่าต้องใช้เวลาประมาณ 9 - 12 เดือนก็สามารถกลับมาได้แล้ว และพอถึงช่วงคริสต์มาสคุณก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว พอได้ยินแบบนี้ผมก็วางแผนในอนาคตข้างหน้าไปไกลแล้ว แต่ในช่วง 2 - 3 สัปดาห์หลังๆ นี้ นักสรีระก็จริงจังกับผมมาก เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ผมให้กลับมาเป็นอย่างที่มันเคยเป็น"
ตั้งแต่ตอนที่คุณต้องขึ้นรถพยาบาลจากแอนฟิลด์ เราได้ยินมาว่าคุณได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจจากแฟนลิเวอร์พูล อย่างเหลือเชื่อเลยนี่
"ใช่แล้ว มันเปี่ยมล้นไปด้วยการสนับสนุนจริงๆ แม้จะมีทั้งข้อความและคำพูดมากมายเกี่ยวกับแฟนลิเวอร์พูล แต่ที่ผมและคนรอบข้างได้พบ ไม่เคยมีใครพูดจาไม่ดี หรือประสงค์ร้ายต่อเราเลย ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่ผมได้รับจดหมายเป็นล้าน ล้านฉบับจากแฟนฟุตบอลทั่วโลก และผมก็อยากจะขอบคุณพวกเขาทุกคนสำหรับกำลังใจและการเสียสละเวลาเขียนจดหมายถึงผม ผมต้องขอโทษที่ไม่สามารถตอบจดหมายได้ครบทุกฉบับ แต่เราก็กำลังพยายามตอบมันอยู่นะ! และจดหมายก็มาจากทุกสโมสร รวมทั้งทีมคู่แข่งในลีกด้วย มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ"
หลังจากชัยชนะใน คาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ เหล่านักเตะสวมเสื้อที่มีข้อความถึงคุณ คุณพอรู้มาก่อนหรือเปล่า ว่ามันจะเกิดแบบนี้ขึ้น?
"ผมไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย ถ้าผมไม่ได้ร่วมทีมอยู่ที่นั่น แต่สิ่งที่รองลงมาคือการได้เห็นพวกเขาชูถ้วยแชมป์และสวมเสื้อที่มีข้อความพวกนั้นอยู่ด้วย ซึ่งมันมีความหมายต่อผมมากจริงๆ ทุกคนลืมไปแล้วว่าผมอยู่ที่นี่เพียง 2 ฤดูกาลและฤดูกาลนี้ก็เป็นฤดูกาลที่ 3 ของผม นั่นก็แสดงให้เห็นว่าทุกคนคิดถึงคุณเสมอ และความรู้สึกนี้ไม่มีใครแย่งไปได้ ผมไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้เพื่อผม ตอนนั้นผมนั่งอยู่ที่บ้านกับแฟนและเพื่อนๆ ของผม และผมก็คิดว่า "เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?" บอกตรงๆ เลยว่าผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่อก เมื่อได้เห็นพวกเขาทำแบบนี้เพื่อผม มันเหลือเชื่อจริงๆ"