Home

เส้นทางสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดของ มัตเตโอ ดาร์เมียน
17 พฤศจิกายน 2558 2,921


มัตเตโอ ดาร์เมียน ได้ให้สัมภาษณ์แบบสุดพิเศษกับ Inside United นิตยสารอย่างเป็นทางการจากสโมสรเกี่ยวกับเส้นทางสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดของเขา...

บอกเราเกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็กของคุณที่อิตาลีหน่อย...
ผมมาจากเลญาโน่ เมืองเล็กๆ ใกล้กับมิลาน ผมโตขึ้นมาเหมือนกับเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ นั่นก็คือมีความฝันว่าอยากเล่นฟุตบอล ผมชอบออกไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ของผมอยู่เสมอ ผมเล่นแม้กระทั่งในเวลาเรียนด้วย จนพ่อแม่ของผมต้องบอกให้ผมใส่ใจเรื่องการเรียนหนังสือบ้าง แล้วอยู่ดีๆ ก็มีโทรศัพท์ติดต่อมาจากเอซี มิลาน ตอนนั้นผมอายุราวๆ 10 ขวบได้

สโมสรใหญ่แบบนั้นได้สอนอะไรคุณบ้าง?
ผมได้ลงเล่นให้กับทีมเยาวชน และใช้ชีวิตอยู่ 9 ปีที่นั่น พวกเขาช่วยให้ผมเติบโตขึ้นมาทั้งในแง่ของการเป็นนักฟุตบอลและการใช้ชีวิต ผมมองว่ามันเป็นโรงเรียนชีวิตเลยที่พวกเขาช่วยให้ผมเติบโตขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลได้แบบนี้ พยายามทำทุกอย่างให้ผมได้พัฒนาขึ้น พวกเขายังถามถึงผลการเรียนของผมอยู่ตลอดด้วย พวกเขาดูแลผมเป็นอย่างดีทั้งเรื่องนอกสนามและในสนาม มันเป็นช่วงเวลา 9 ปีที่แสนวิเศษที่อยู่กับพวกเขา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าที่นั่นเป็นครอบครัว แล้วผมก็สามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้

คงเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยใช่ไหมที่ได้ประเดิมสนามในโคปปา อิตาเลียด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี?
มันเป็นประสบการณ์ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่ได้เล่นในบอลถ้วย แต่ผมก็ภูมิใจเมื่อได้มองย้อนไปถึงสิ่งที่ผมได้เสียสละมาตลอดหลายปีก่อนหน้านั้น มันเป็นเหมือนกับว่าเราได้เห็นผลตอบแทนแล้ว แต่ผมก็ทราบดีว่ามันยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ผมยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลย

การแข่งขันแย่งตำแหน่งในทีมรอสโซเนรี่น่าจะหนักหนาเอาการอยู่ เมื่อดูจากนักเตะที่เล่นในตำแหน่งเดียวกับคุณ แล้วคุณเองได้มองพวกเขาเป็นแบบอย่าง รวมถึงได้ไปขอคำแนะนำอะไรบ้างไหม?
มันไม่ง่ายเลยที่จะก้าวขึ้นไปติดทีม เพราะแต่ละคนในตำแหน่งของผมเป็นประเภทแชมเปี้ยนทั้งนั้น สำหรับผมแล้วถือเป็นเกียรติที่ได้ฝึกซ้อมร่วมกับพวกเขา อเล็กซานโดร เนสต้า และ เปาโล มัลดินี่ เป็นนักเตะระดับตำนาน ไม่เพียงแค่กับมิลานเท่านั้น แต่สำหรับวงการฟุตบอลอิตาลี และฟุตบอลทั่วโลกด้วย ผมมักจะคอยสังเกตการเล่นของพวกเขา จากนั้นก็พยายามนำมาปรับใช้กับตัวเองให้ได้มากที่สุด

คุณมีฮีโร่ในวัยเด็กบ้างหรือเปล่า?
ผมคิดว่าเป็นเนสต้ากับมัลดินี่เนี่ยแหละ ทั้งคู่เป็นกองหลังที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานั้น เป็นไอดอลของผมเลย

ทำไมทีมจากอิตาลีถึงเล่นเกมรับกันได้ดีนัก? แถมตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็มีสุดยอดกองหลังมากมายหลายคน นอกเหนือจากเนสต้ากับมัลดินี่ก็ยังมีกาบรินี่, เจนติเล่ ฯลฯ...
ผมเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันนะ แต่มันก็อาจเป็นเพราะแท็กติกของฟุตบอลอิตาลี บางทีอาจเป็นเพราะเราเล่นแบบเน้นปลอดภัยและเน้นเกมรับ แต่ผมก็คงพูดได้ไม่เต็มปากหรอกว่ามันเป็นเพราะสาเหตุนั้นอย่างเดียว

ช่วงแรกๆ ในอาชีพค้าแข้งของคุณ คุณได้ไปบ่มเพาะประสบการณ์มาในเซเรีย บีกับปาโดว่า การย้ายไปเล่นที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง?
เมื่อถึงจุดหนึ่งผมพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะหาพื้นที่ในทีมที่แข็งแกร่งอย่างมิลาน ผมต้องการที่จะลงสนาม และผมก็ต้องการที่จะทำมันเอามากๆ ผมก็เลยตกลงสัญญายืมตัวไปเล่นให้กับปาโดว่า ผมอยากที่จะลงเล่นบ่อยขึ้น และแสดงให้เห็นถึงฝีเท้าของผม

บอกเราหน่อยเกี่ยวกับช่วงเวลาของคุณที่ปาโดว่า มันน่าจะมีอะไรที่แปลกออกไปบ้างในการไปเตะที่ซิซิลี่...
ในแง่ของชีวิตแล้วมันก็ไม่แตกต่างอะไรออกไปนักที่ซิซิลี่ ขณะที่เรื่องของแฟนบอลทางภาคใต้นั้นจะไม่ค่อยแสดงออกถึงทีมแบบรุนแรงมากนัก พวกเขามีความอบอุ่น ผมคิดว่านั่นแหละคือสิ่งที่แตกต่างออกไปจากอิตาลีทางภาคเหนือ แต่สำหรับผม มันก็เป็นเรื่องของการก้าวไปอีกขั้นในอาชีพ ถ้าให้เลือกอีกครั้ง ผมก็จะไปที่นั่นอีกอยู่ดี เพราะมันช่วยให้ผมเติบโตมาจนเป็นตัวผมในแบบทุกวันนี้ ผมไม่เสียใจอะไรเลย

ใครเป็นคนชักจูงคุณเข้าสู่โตริโน่ในขณะที่ทีมยังเล่นอยู่ในเซเรีย บีตอนนั้น?
ต้องบอกว่าผมได้ลงเล่นไม่มากเท่ากับที่ผมต้องการที่ปาแลร์โม่ ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ผมย้ายไปปาโดว่านั่นแหละ ผมไปโตริโน่เพราะว่าผมอยากเล่นฟุตบอลอย่างสม่ำเสมอ ทางสโมสรไว้วางใจผม นับตั้งแต่ประธานสโมสรไปจนถึงโค้ช และผมก็พยายามที่จะตอบแทนพวกเขาด้วยฟอร์มการเล่นในสนาม โตริโน่เป็นสโมสรที่มากด้วยประวัติศาสตร์ ดังนั้นเมื่อผมไปที่นั่น ผมจึงตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะพาทีมกลับไปสู่เซเรีย อา กลับไปเล่นในลีกสูงสุดให้ได้อีกครั้ง

แล้วพวกเขาก็ได้เลื่อนชั้นจริงๆ แถมคุณก็ยังได้ลงเล่นสม่ำเสมอในทีมด้วย คุณมองว่าตำแหน่งของคุณคือแบ็คขวามาโดยตลอดเลยหรือเปล่า?
หลักๆ แล้วผมเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่มิลาน แต่เมื่อผมขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ผมโยกไปเล่นตรงริมเส้น ผมเล่นเป็นแบ็คขวาจนกระทั่ง 2 ฤดูกาลหลังกับโตริโน่ที่ผมถูกย้ายไปเล่นทางฝั่งซ้าย ดังนั้นผมจึงสามารถเล่นได้ทั้ง 2 ฝั่งในยามจำเป็น รวมถึงตรงกลางด้วยเช่นกัน

การถูกเรียกตัวติดทีมชาติไปลุยฟุตบอลโลกถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับคุณหรือเปล่า? มันยากไหมในการทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวคุณ?
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมเพิ่งเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีในเกมอุ่นเครื่อง (พบกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์) ที่คราเวน ค็อตเทจ ผมไม่ได้คาดหวังถึงมันหรอก แต่ผมก็พยายามที่จะปล่อยวางมัน ผมคิดว่ามันไปได้สวย เพราะผมถูกเรียกตัวติดทีมชาติ จากนั้นก็ได้เล่นในฟุตบอลโลก สำหรับผมแล้วมันเต็มไปด้วยอารมณ์ในการเป็นตัวแทนประเทศชาติเป็นครั้งแรกในการแข่งขันระดับนั้น แต่ผมก็ทำอย่างที่ผมเคยทำมาตลอดนั่นแหละ นั่นคือการพยายามทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับทีม

มันช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคุณไหมว่าสามารถรับมือกับการแข่งขันในเวทีที่ใหญ่ที่สุดได้แล้ว?
แน่นอนว่ามันทำให้ผมมีความมั่นใจ การได้เตะฟุตบอลโลกหมายความว่าคุณจะได้เจอกับทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก รวมถึงนักเตะที่เก่งที่สุดด้วย มันทำให้คุณภูมิใจในตัวเองมากขึ้นเยอะ

เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มคิดถึงการย้ายมาเล่นในอังกฤษ? แล้วการค้าแข้งในพรีเมียร์ ลีกเป็นสิ่งที่คุณปรารถนามาโดยตลอดหรือเปล่า?
ผมเคยดูเกมพรีเมียร์ ลีกผ่านทางโทรทัศน์ มันเป็นที่รู้จัก ถือเป็นหนึ่งในลีกที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นเมื่อยูไนเต็ดติดต่อมา ผมแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดมากเลย สำหรับผมมันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพค้าแข้งของผม และเป็นโอกาสอันดีที่ผมคงไม่อาจปล่อยให้มันผ่านไปได้ แน่นอน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคือหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่เพียงแค่ในอังกฤษเท่านั้น แต่รวมถึงทั่วโลกเลย ในแง่ของประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน ปัจจัยหลายอย่างนี้ทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายมาก

ภาษาอังกฤษของคุณเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? แล้วมีใครในสโมสรที่พูดภาษาอิตาเลียนกับคุณบ้างไหม?
ภาษาอังกฤษของผมพัฒนาขึ้นทีละน้อย ผมพยายามที่จะเรียนรู้ และครูสอนภาษาก็พยายามช่วยให้ผมไปได้เร็วขึ้น ส่วนเพื่อนร่วมทีมของผมน่ะไม่มีใครพูดภาษาเดียวกับผมหรอก ยกเว้น ปาโบล เกาดิโน่ ที่เป็นพนักงานฟิตเนสของที่นี่ เขาช่วยให้ผมเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง เพราะเขาพูดภาษาอิตาเลียนเป็นหลักอยู่แล้ว

แม้จะมีกำแพงภาษากั้นอยู่ แต่ผลงานของคุณในสนามก็ถือว่าปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว...
ใช่แล้ว เมื่อคุณมาอยู่สโมสรใหญ่ท่ามกลางนักเตะเก่งๆ คุณจะตระหนักได้เลยว่ามันมีการแข่งขันที่สูง ดังนั้นมันก็เป็นไปอย่างที่ผมทำมาตลอดนั่นแหละ ผมต้องพยายามต่อสู้เพื่อตำแหน่งของผม รวมถึงพยายามทำผลงานให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย

เรามักจะพูดว่า แกรี่ เนวิลล์ ได้คะแนน 7 เต็ม 10 ในทุกๆ สัปดาห์ เพราะเขาเป็นคนที่มีความสม่ำเสมอมากในตำแหน่งแบ็คขวา คุณมองว่าคุณจะสามารถทำได้แบบนั้นบ้างหรือเปล่า?
ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ คือแกรี่เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่สำหรับสโมสร และการเอาตัวเองไปเทียบกับเขาตอนนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผม ผมจะพยายามทำผลงานในสนามทุกๆ สัปดาห์ พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อทีมไปก่อนก็แล้วกัน

ดูเหมือนคุณจะปรับตัวเข้ากับแท็คติครวมถึงคำสั่งของโค้ชได้เป็นอย่างดี นี่คือคุณสมบัติส่วนตัวของคุณเลยหรือเปล่า?
ผมก็แค่ทำความเข้าใจในสิ่งที่โค้ชต้องการ พยายามทำสิ่งนั้นในสนามซ้อม แล้วก็ในเกมการแข่งขันเท่านั้นเอง

คุณว่าบุคลิกส่วนตัวคุณเป็นอย่างไร? นิสัยของคุณเป็นแบบไหนนอกสนาม? และคุณว่าชีวิตในอังกฤษมีความแตกต่างออกไปในด้านไหน?
ผมเป็นคนสบายๆ บางทีค่อนข้างขี้อายด้วย ผมมักจะใช้เวลาว่างไปกับแฟนสาวของผม ไปเดินเล่นด้วยกัน ไปโรงหนัง หรือไม่ก็ดูหนังกันที่บ้าน ผมเองก็ใช้ชีวิตเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ

เป้าหมายของคุณในฤดูกาลนี้คืออะไร รวมถึงในระยะยาวกับสโมสรด้วย?
ยูไนเต็ดคือสโมสรที่คว้าแชมป์ได้เป็นประจำ และเป้าหมายของผมตอนนี้ก็คือการคว้าชัยชนะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเมื่อทำได้เช่นนั้นแล้ว เราก็จะได้ชูถ้วยแชมป์กันเมื่อถึงเวลา

SiR KeaNo


บทสัมภาษณ์
เปิดใจ ฟาน เพอร์ซี่
Debate เเกรี่ เนวิลล์ vs อดัม เเมคโคล่า
สัมภาษณ์ โชเซ่ มูรินโญ่ หลังต่อสัญญาคุมทีมอีก 1 ปี
บทสัมภาษณ์เเรกของ อเล็กซิส ในฐานะผู่เล่นของเเมนฯ ยูไนเต็ด
ทำไมลินการ์ดถึงเลือกยูไนเต็ดแทนที่จะเป็นลิเวอร์พูล
แม็คกินเนสส์เชื่อมั่นในการสนับสนุนเยาวชนของฟาน กัล
เส้นทางสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดของ มัตเตโอ ดาร์เมียน
เจมส์ เวียร์ กับบทบาทที่มากขึ้นในทีมชุดยู-21
เอร์เรร่าและมาต้าพูดถึงความสนิทสนม, ลา ลีกา และเมืองแมนเชสเตอร์
โจเอล คาสโตร เปเรร่า ตั้งเป้าคว้าแชมป์กับทีมยู-21
อ่านทั้งหมด


โปรแกรมแข่งขัน
v
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
รายการ พรีเมียร์ ลีก
วันที่ 28 พฤษภาคม 2566 เวลา 22:30 น.





© 2001-2023 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC