หลังจากการติดต่อที่ยาวนานนับปี ในที่สุด โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ก็ได้ย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาลงเล่นนัดแรกในนัดที่แมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายต่อแมนฯ ซิตี้ 1 - 0 แต่ในครั้งนั้นเขาก็ยังโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม ตอนนี้เราจึงได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาถึงชีวิตใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด
คุณรู้สึกยังไงที่ในที่สุดคุณก็ได้ย้ายมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด?
"มันเป็นการติดต่อพูดคุยที่ยาวนาน มันอาจเป็นความลับในวงการฟุตบอลที่แย่ที่สุด แต่มันก็เยี่ยมแล้วล่ะที่ได้มาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างกดดันเข้ามา ผมคิดว่ามันเยี่ยมมากที่ในที่สุดแล้วบทสรุปก็ออกมาในแง่บวกแบบนี้"
คุณเคยคิดมั๊ยว่ามันอาจจะไม่ออกมาแบบนี้?
"ผมค่อนข้างคิดในแง่ดีมาตลอดว่ามันจะต้องผ่านไปได้ ผมคิดว่าเมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการอะไรแล้ว พวกเขาก็พยายามที่จะเอามาให้ได้ บางครั้งคุณก็ต้องมีความอดทน บาเยิร์น มิวนิค เป็นสโมสรที่มักไม่ค่อยขายนักเตะออกไป อย่างมิเชล บัลลัค ก็ย้ายออกไปแบบไม่มีค่าตัว เขาถือว่าเป็นนักเตะที่มีชื่อคนหนึ่ง และแน่นอนนักเตะมีชื่อไม่น่าจะไปโดยไม่มีค่าตัว พวกเขาไม่อยากที่จะขายผมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ผมก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าผมต้องการย้ายมาร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด"
คุณเสียใจมั๊ยที่จากบาเยิร์น มิวนิค มาหลังจากอยู่กับทีมอย่างยาวนานในเยอรมัน?
"ผมไม่เสียใจหรอก ผมรู้สึกว่ามันเหมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่มีหลายๆ บทในชีวิตที่คุณต้องก้าวผ่าน ผมอยู่ที่นั่น 10 ปี และตอนนี้มันจบลงแล้ว ผมเข้าร่วมทีมจากการเป็นนักเตะเยาวชน นั่นทำให้ผมมีประสบการณ์มากมาย ผมคว้าแชมป์มากมายกับทีม ในขณะที่ส่วนใหญ่ย้ายออกจากบาเยิร์น ไปร่วมทีมที่เล็กกว่า แต่ผมมีโอกาสที่จะย้ายมาร่วมทีมที่ใหญ่กว่า"
สิ่งแรกที่คุณประทับใจในแมนฯ ยูไนเต็ด คืออะไร?
"มันเป็นสโมสรที่ใหญ่ ใหญ่มาก ใหญ่เหมือนกับบาเยิร์น มิวนิค ที่มีบรรยากาศของความเป็นครอบครัวเดียวกัน นักเตะทุกคนที่นี่ยอดเยี่ยมมาก ทุกคนช่วยเหลือกัน ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการดูแลสำหรับคุณซึ่งมันเกิดกับสโมสรใหญ่"
มีนักเตะทีมชาติอังกฤษในแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ส่งผลต่อการย้ายมาของคุณหรือเปล่า?
"ก็ไม่เชิง หลังจากฟุตบอลโลกผมได้พูดคุยกับแกรี่ เนวิลล์ นิดหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไปเกี่ยวกับนักเตะในแมนฯ ยูไนเต็ด เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในสโมสรและเกี่ยวกับผู้จัดการทีม หลังจากนั้นก็มีข่าวว่าแมนฯ ยูไนเต็ด สนใจผม แล้วผู้คนก็ถามผมว่า 'เมื่อไหร่คุณจะย้ายมาล่ะ?'"
คุณคิดว่าฟุตบอลโลก 2006 มีส่วนต่อการเปลี่ยนแปลงอาชีพของคุณหรือเปล่า?
"แน่นอน ผมพอใจกับการประสบความสำเร็จมากมายกับบาเยิร์น มิวนิค ผมย้ายขึ้นมาจากระบบทีมเยาวชน มันเป็นเรื่องยากที่นักเตะจะขึ้นจากทีมเยาวชน แล้วมีตำแหน่งที่มั่นคงในทีมชุดใหญ่ และผมก็มั่นใจในความสามารถของผมเอง แต่จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยได้มีโอกาสเต็มที่นักในทีมชาติ ผมได้ร่วมเป็น 11 ตัวจริงในฟุตบอลโลก 2002 แต่ก็ได้รับบาดเจ็บในนัดที่ 2 ของรายการนี้ที่พบกับอาร์เจนติน่า จากนั้นผมได้ลงเล่นอีก 4 เกมซึ่งก็ไปได้ค่อนข้างดี แต่ก็มีนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์คนอื่นๆ ที่เก่งๆ ดังนั้นมันก็การันตีไม่ได้ถึงตำแหน่งในทีมชาติ เมื่อใดที่คุณมีโอกาสคุณต้องรีบคว้ามันไว้ ก่อนฟุตบอลโลก 2006 ผมได้ลงเล่นบ้างซัก 10 นาที ซึ่งคุณไม่สามารถแสดงออกได้เต็มที่หรอกด้วยเวลาเพียงแค่นั้น ดังนั้นผมจึงต้องการได้รับโอกาส และผมก็ต้องอดทนมาก ผมมีโอกาสลงเล่นในฟุตบอลโลก และต้องขอบคุณ สเวน โยรัน อิริคส์สัน มากๆ ที่ให้โอกาสกับผม ฟุตบอลเป็นเป็นสิ่งที่คุณต้องใช้โอกาสให้ดีเมื่อคุณได้มันมา และผมก็พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้"
คุณ และสเวน อยู่กันคนละทีมในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ฤดูกาลนี้...
"ผมคิดว่าเข้าเป็นผู้จัดการทีมที่ผ่านการทดสอบไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน และผมก็คิดว่าเขาจะเป็นส่วนเติมเต็มที่ยอดเยี่ยมสำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขามีช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติอังกฤษ มันน่าเสียดายที่เราไม่สามารถก้าวต่อไปจากนี้ได้ ที่จริงแล้วเราแพ้จุดโทษในยูโร และฟุตบอลโลก ผมคิดว่าเราก็ประสบความสำเร็จแล้ว เราเพียงแต่ไปไม่ถึงจุดสุดท้ายเท่านั้นเอง"
สำหรับครอบครัวของคุณแล้ว ตอนนี้คุณรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านหรือเปล่า?
"แน่นอนว่ามันเป็นการกลับบ้านของครอบครัวผม แม่ของผมอยู่ไม่ห่างจากที่นี่นัก ส่วนครอบครัวของพ่อผมก็มาจาก ฟาร์นวอร์ธ ดังนั้นทั้ง 2 ครอบครัวก็อยู่ห่างจากที่นี่เพียงไม่กี่นาที พ่อและแม่ผมย้ายไปแคนาดาเมื่อ 20 ปีที่แล้วเพื่อทำงาน ดังนั้นผมจึงโตมาจากที่นั่น ส่วนพี่ชายของผมยังคงอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ครอบครัวของเราต่างก็อยู่กันที่นี่ การได้เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ และการได้เล่นให้ทีมที่ใหญ่ที่สุดในโลกในที่ที่ผมมีครอบครัวอยู่ด้วย มันเหมือนฝันที่เป็นจริงเลยทีเดียว"
การที่คุณมีประสบการณ์ในระดับยุโรป การคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสิ่งแรกที่คุณคาดหวังไว้หรือเปล่า?
"มันยากที่จะพูด แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกมฟุตบอล นอกเหนือจากฟุตบอลโลก และทุกทีมใหญ่ต่างก็เสริมความแข็งแกร่งของทีมในช่วงซัมเมอร์เพื่อแชมเปี้ยนส์ ลีก การได้อยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เหมือนอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค การไปให้ถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายคือสิ่งที่ต้องทำให้ได้เป็นอย่างน้อย และในขณะเดียวกันเราก็ต้องป้องกันแชมป์ลีก พรีเมียร์ ลีก มีความสำคัญมากเพราะเป็นสิ่งที่แฟนๆ ดูอยู่และเป็นเกมที่คุณต้องเล่นทุกๆ สัปดาห์ และมันถ้วยที่ผมไม่เคยได้รับ ดังนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ผมตั้งตาคอยในฤดูกาลนี้ เพื่อที่จะช่วยแมนฯ ยูไนเต็ด ตอกย้ำชัยชนะอีกครั้ง การได้แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เหมือนมีขนมหวานเพิ่มขึ้นมาบนหน้าเค้ก แต่คุณก็ถูกคาดหวังให้เอาชนะทุกถ้วยล่ะ"