
สองฤดูกาลในสโมสรนี้ และคว้าได้สองถ้วย สำหรับถ้วยนี้ คุณรู้สึกยังไง
"วันสุดท้ายของฤดูกาลเป็นวันที่คลั่งสุดๆ เราเริ่มเล่นโดยพยายามไม่ให้อะไรมากระทบจิตใจเรา เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร มันเป็นสถานการณ์แบบที่เราต้องออกไปเผชิญกับมัน และทำหน้าที่ของเราให้สมกับมาตรฐานที่เราทำมาตลอดทั้งฤดูกาล หลังจากนั้นคุณก็จะเหนื่อยมากๆ มันเป็นความรู้สึกที่พิลึก แต่ผมก็พอใจมากที่ได้เอาเหรียญแชมป์มาคล้องคอ"
ชัยชนะเหนือวีแกน ยิ่งน่ายินดีขึ้นอีกหรือเปล่า เมื่อคุณรู้ว่าเชลซี เอาชนะโบลตัน ไม่ได้
"เอาตรงๆ เลยนะครับ ผมไม่รู้เรื่องนั้นเลย จนกระทั่งเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้นนั่นแหละ ผมถึงเพิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไมค์ ฟีแลน (โค้ชทีมชุดใหญ่) ก็มาบอกผมหลังจากเกมจบไปแล้ว 10 นาที ว่าสกอร์จบที่ 1 - 1 แต่ผมก็ลืมมันไปเลย ผมมัวแต่มุ่งมั่นอยู่กับหน้าที่ที่ผมต้องทำ เรารู้ว่าถ้าเราชนะ ผลของเชลซีก็ไม่สำคัญแล้ว แต่ก็ดีที่เราชนะด้วยผลคะแนน ไม่ใช่ผลต่างของประตู แสดงว่า เรานี่แหละ คือ แชมเปี้ยนตัวจริง"
ลองเปรียบเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว การคว้าถ้วยได้ในเกมสุดท้ายของลีกมันเป็นอย่างไรบ้าง
"มันยอดเยี่ยมมาก ปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกวิเศษมากที่เราได้เป็นแชมป์ก็ตาม แต่ตอนนั้นผมนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน แล้วก็เห็นข่าวที่ออกมายืนยันว่าเราได้แชมป์ ไม่เหมือนกับการเอาชนะมาด้วยการลงแข่งแล้วได้ถ้วยซึ่งเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก และยิ่งได้มาแล้ว ก็ยิ่งอยากได้เพิ่มอีก ตอนนี้เราตั้งเป้าว่าจะคว้าถ้วย 3 ปีซ้อนเลย การได้แชมป์ปีที่แล้วทำให้เราอยากพิสูจน์ว่า มันจะไม่ใช่แค่ช็อตเดียว และฤดูกาลนี้ก็จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ๆ เราเริ่มได้ไม่ดีพอ และตอนที่เราตามอาร์เซน่อลอยู่ ใครๆ ก็บอกว่าเราหมดโอกาสป้องกันแชมป์แล้ว แต่การที่เราขึ้นมาเป็นที่หนึ่งได้ เหมือนที่เราได้ทำไปแล้วนั้น มันน่ายินดีมาก เรารู้ว่าปีนี้เราสมควรได้รับมันแล้วจริงๆ"
นัดไหนในฤดูกาลนี้ที่คุณชอบที่สุด
"นัดที่ชนะนิวคาสเซิ่ล ถึงถิ่นเป็นนัดที่ดีที่สุด สกอร์ 6 - 0 มันน่าทึ่งมาก และทีมก็โชว์ฟอร์มได้เยี่ยมมากเช่นกัน มันสนุกมากที่ทุกคนต่างก็เล่นได้ดี และทุกอย่างก็เข้าล็อกเป๊ะ เราเอาชนะมาแบบไม่เสียประตูเลย และครองเกมได้ตั้งแต่ต้นจนจบ อะไรๆ ก็เข้าทางเราทุกอย่างเลย"
แมนฯ ยูไนเต็ด ทำสถิติได้ดีกว่าเชลซี, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้ มันสำคัญมั๊ยสำหรับคุณ
"สำคัญมากที่ต้องทำแต้มหนีห่างจากทีมที่มีระดับพอๆ กันให้ได้ แต่ก็แน่นอนว่ามันก็ยังไม่ดีพอหากคุณเอาชนะแมทช์อื่นๆ ไม่ได้ แต่ผมคิดว่าการชนะทีมคู่แข่งหลักๆ มันสำคัญกว่าเป็นเท่าตัวเลย และด้วยความรู้สึกแบบนั้นแหละที่ทำให้เราทำแต้มห่างมาได้ในฤดูกาลนี้ เราเล่นได้ดีเมื่อต้องเจอเหล่าคู่ปรับ การเอาชนะลีกเล็กๆ ก็สำคัญ ชนะบ่อยๆ ก็ทำให้คุณทำได้ดีในแมทช์อื่นๆ ด้วย แต่ถ้าชนะทีมคู่ปรับได้ พวกเขาก็จะเครียดเป็นสองเท่า เพราะมันหมายถึงเขาสูญไป 3 แต้ม แล้วเราก็ได้ 3 แต้มนั้นมา"
บรรยากาศของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้ ให้อะไรกับคุณบ้าง
"ตอนที่เล่นกับบาร์เซโลน่า ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้เราเห็นได้ชัดเลยว่า แฟนๆ รู้สึกยังไงกับเราในฤดูกาลนี้ พวกเขาคอยสนับสนุนคุณจนถึงที่สุดของที่สุด แฟนๆ ปีศาจแดงควรจะได้รับเครดิตไปเต็มๆ เพราะฤดูกาลนี้ พวกเขาน่าประทับใจมากๆ พวกเขาส่งเสียงเชียร์ที่สุดยอดจริงๆ และก็ไม่เคยหยุดร้องเพลงเชียร์เลย พวกเขาทำให้เราส่งลูกไปตุงตาข่ายได้ การเล่นในบ้านมีส่วนช่วยมาก นอกจากนี้กลุ่มที่ตามไปเชียร์เราในที่ต่างๆ ก็สนับสนุนเราเต็มที่เช่นกัน"
เพื่อนร่วมทีมของคุณในฤดูกาลนี้ต่างก็ทำได้ดีมากๆ คุณว่าใครทำได้ดีที่สุด
"โดยรวมแล้ว ริโอเป็นคนที่ผมติดใจที่สุด เขาเล่นได้สุดยอดตลอดทั้งฤดูกาล ทั้งในเกมที่น่าเป็นห่วง อย่างที่เจอ ลิเวอร์พูล ในสนามแอนด์ฟิลด์ หรือเกมที่เจอบาร์เซโลน่า กับ โรม่า ในแชมเปี้ยนส์ ลีก เขาเยี่ยมยอดจริงๆ มีไม่กี่คนที่ผ่านเขาไปได้ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระของกองกลางอย่างผมลงได้เยอะเพราะมีคนคอยช่วยอยู่ตลอด ฟอร์มของเขานั้นถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูงเลยทีเดียว ที่สำคัญคือ เขาจะเก่งกว่านี้อีก การได้เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ และบางเกมก็ได้ใส่ปลอกแขนกัปตันทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ช่วยเพิ่มพลังให้เขาได้อีกเยอะ เขาอาจจะได้พิสูจน์ในฤดูกาลนี้แล้ว ว่าเขาเป็นกองหลังที่เยี่ยมที่สุดในโลก"
แล้วคุณโหวตให้ริโอเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีด้วยรึเปล่า
"ผมเลือกรอนนี่ เพราะเขาทำประตูไปเต็มที่เลย และหลายๆ ประตูก็เป็นประตูที่สำคัญมาก เราคงจะละเลยปีกที่ทำได้ถึง 42 ประตู คนนี้ไม่ได้ เขาคงจะได้รับพรจากเทวดาทั้งสวรรค์เลยจริงๆ ก็เลยทำให้กองหลังที่ยอดเยี่ยมอย่างริโอก็มักจะถูกมองข้าม เขตป้องกันด้านหลังของเราแน่นมาก และริโอก็มีส่วนช่วยมาก ผมว่าคงมีสักปีที่ริโอจะได้ครองตำแหน่ง นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี"
ในทีมมีความสอดคล้องกันอย่างมาก มันมีส่วนช่วยอย่างไรบ้าง
"เรามุ่งมั่นกันมาก เรามีผู้เล่นที่มาจากต่างที่กัน ชีวิตที่ต่างกัน แต่มันก็ช่วยสร้างบรรยากาศในห้องแต่งตัว ผู้เล่นใหม่ๆ ของเราอย่าง นานี่, แอนเดอร์สัน, คาร์ลอส เตเวซ, และ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ต่างก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว มันเลยทำให้เราเข้ากันได้ดี ก็มีเรื่องตลกเกิดขึ้นหลายๆ เรื่องด้วย ทุกอย่างมันทำให้เรามีสปิริตความเป็นทีม โดยเฉพาะช่วงที่โหดร้ายที่สุดของฤดูกาล มันก็ช่วยให้เราผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้ เวลาที่เขาเล่นอะไรตลกๆ กัน ผมมักจะนั่งอยู่ด้านหลังตลอด ผมเลยกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ไปเลย"