จากประวัติศาสตร์ของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากมายทีเดียวกับถ้วย เอฟเอ คัพ ซึ่งสามารถคว้าถ้วยมาครองแล้วถึง 10 ครั้งด้วยกัน ซึ่งมากกว่า อาร์เซนอล อยู่ 1 ครั้ง และครั้งนี้จะเป็นการเข้าชิงชนะเลิศ เพื่อถ้วยที่ 11 ของสโมสร
มันยากแค่ไหนในการเตรียมทีมของคุณเพื่อศึกเอฟเอ คัพ ในสถานการณ์ที่มีสิ่งกวนใจรอบด้านอย่างนี้?
เราเตรียมตัวและฝึกซ้อมสำหรับการเล่นที่ คาร์ดิฟฟ์ มาตั้งแต่วันพุธแล้ว และเราก็มีประสบการณ์กับการเข้าชิงถ้วยนี้อยู่แล้ว แม้มันเป็นช่วงเวลาที่แตกต่างออกไปจากเดิม ที่ผู้คนต่างก็แย่งชิงกันซื้อตั๋ว มีการโทรศัพท์ติดต่อกันมากมายและสื่อต่างๆ ก็สร้างความรำคาญได้ตลอดเวลา
เอฟเอ คัพ ยังมีความสำคัญกับคุณอยู่หรือไม่?
มันคือถ้วยแห่งชัยชนะถ้วยหนึ่ง และแน่นอนว่ามันสำคัญมาก ความโรแมนติคของเอฟเอ คัพ เกี่ยวพันกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มานานแสนนานแล้ว เราได้ครองถ้วยนี้มากกว่าใครๆ และเราก็เข้ารอบชิงชนะเลิศในถ้วยนี้มากที่สุดด้วย มันมีความสำคัญกับเราเสมอมา นับตั้งแต่ต้นฤดูกาลเราพูดอยู่เสมอว่าเราต้องการถ้วย และนี่ก็คือโอกาสหนึ่งของเราที่จะคว้ามาให้ได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความหวังอันดับแรกของเราก็ตาม มันก็ยังเป็น 1 ใน 3 ถ้วยที่เราอยากได้
ทุกคนต่างก็คิดว่าพวกคุณจะเอาชนะ มิลล์วอลล์ ได้อย่างง่ายดาย คุณจะทำอย่างไรเพื่อจะให้ลูกทีมของคุณไม่ชะล่าใจกับนัดนี้จนเกินไป?
ผมเชื่อมั่นในลูกทีมของผม และถ้าหากคุณคิดว่า 90% เราต้องเล่นได้ง่ายๆ เพราะว่าเราพบกับทีมที่ต่ำชั้นกว่า แต่คุณก็ไม่สามารถที่จะแน่ใจได้หรอกว่าเราจะไม่แพ้ เพราะเราก็เคยพ่ายแพ้ต่อทีมที่ขึ้นมาจากดิวิชั่น 1 มาแล้วในลีก และมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วใน เอฟเอ คัพ ที่เราพ่ายต่อ เซาธ์แฮมป์ตัน ในปี 1976 ดังนั้น เราจะลงเล่นโดยคิดว่ามันคงจะไม่เกิดขึ้นอีกไม่ได้ แต่เราต้องทำให้สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถเกิดขึ้นอีกต่างหาก นั่นก็หมายถึงคุณต้องตั้งใจ มีทัศนคติที่ดีต่อเกม และมีความสามารถให้พร้อม
คุณจะเปรียบเทียบเกมนัดนี้กับการเข้าชิงชนะเลิศครั้งอื่นๆ ของคุณอย่างไร?
การเข้าชิงครั้งแรกของผม ซึ่งตอนนี้ไม่มีนักเตะที่เล่นตอนนั้นหลงเหลืออยู่ในทีมแล้ว เราพบกับ คริสตัน พาเลซ พวกเขามีขุนพลเก่งไม่มากนัก แต่เขาก็ทำให้เราเล่นได้อย่างไม่ง่ายเลย
คุณจะบอกนักเตะอย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ?
มันเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมต้องเลือกทีมและตลอด 17 ปีที่นี่ ผมต้องเลือกทีมในสถานการณ์สำคัญๆ ตลอด ซึ่งมันก็ไม่ง่ายเลย ผมคิดว่าถ้าผมส่งผู้เล่นลง 13 คนโดยผู้ตัดสินไม่ได้นับหรือไม่ทันสังเกตได้ ผมก็คงไม่มีปัญหาหรอก แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ผมต้องเลือกผู้เล่น 11 คนและนั่นก็จะทำให้ผู้เล่นที่เหลือต้องผิดหวัง
มีผู้เล่นหลายคนที่มีส่วนร่วมในเกมสำคัญๆ ในฤดูกาลนี้
ในศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เรามีตัวสำรอง 7 คน และเราก็ต้องเลือกนักเตะซึ่งอาจมีบางคนซึ่งไม่มีแม้แต่ชื่อในตัวสำรองแต่เขาอาจทำประตูสำคัญๆ ให้กับทีมได้ มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดที่จะเลือกให้ใครลงเล่น มีหลายคนที่ได้ลงเล่นในเอฟเอ คัพ นัดก่อนหน้านี้มาแล้ว และพวกเขาคงจะต้องผิดหวังมากๆ หากไม่ได้ลงเล่นในนัดนี้หรือแม้แต่ไม่มีชื่อเป็นตัวสำรอง
นั่นเป็นส่วนที่แย่ที่สุดในการเตรียมทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศหรือไม่?
ใช่ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ในการเข้าชิงครั้งล่าสุดของเรา ผมไม่ได้ส่ง นิคกี้ บัตต์ ลงเล่นเพราะผมไม่ต้องการเสี่ยงให้เขาเจ็บและอยากเก็บเขาไว้ลงเล่น ยูโรเปี้ยน คัพ รวมทั้ง เยสเปอร์ บลอมวิสต์ ด้วย และผมไม่ได้ส่งผู้เล่นหลายๆ คนลงเพราะอยากให้พวกเขาพร้อมที่จะลุยศึก ยูโรเปี้ยน คัพ แต่ในปีนี้ ผมไม่ต้องเก็บใครไว้แล้ว ผมต้องเลือกคนที่ดีที่สุดเพื่อให้ทีมชนะ
คุณเคยเลือกทีมผิดพลาดในรอบชิงชนะเลิศหรือไม่?
เราไม่ค่อยแพ้ในรอบชิงชนะเลิศที่นี่ แต่ผมก็เคยเลือกทีมผิดตอนที่คุม อเบอร์ดีน ในการพบกับ ดันดี ยูไนเต็ด ในตอนนั้นเราแพ้ถึง 3-0 ซึ่งผมรู้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมแล้วว่าผมเลือกทีมผิด เรามีปัญหา และเรามีนักเตะเด็กๆ ที่ป่วย ผมต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ก่อนหน้านั้นไปเยี่ยมพวกเขา แทนที่จะสร้างทีมและเตรียมทีมเพื่อรอบชิงชนะเลิศ