ไรอัน กิ๊กส์ อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 14 ปี และการคว้าแชมป์กับทีมอีก 16 แชมป์ และนั่นก็ทำให้เขาลงสนามให้ทีมไปแล้วมากกว่า 600 นัด และแม้ว่าจะได้แชมป์กับทีมมากมายแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างค้างคาใจที่เขาอยากจะทำให้ได้...
เมื่อคุณมองย้อนกลับไปถึงอาชีพค้าแข้งของคุณกับ ยูไนเต็ด คุณเชื่อมั๊ยว่าจะอยู่และเล่นให้กับทีมถึง 600 นัดแล้ว?
ไม่ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย มันไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังไว้ แต่ยังไงแล้วผมก็ภูมิใจมากที่มาถึงจุดๆ นี้ และที่ผ่านมาผมก็ได้เล่นกับผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมากมายทีเดียว
มันมีความหมายกับคุณมากแค่ไหน กับการที่คุณมาไกลถึงขนาดนี้?
ผมเพียงแต่รู้สึกมาความสุขที่ได้อยู่กับทีมยาวนานขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมได้อยู่ร่วมในช่วงที่เราประสบความสำเร็จมากๆ ผมได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่นัดแรกตอนอยู่ 17 ปี และผมก็ยังได้เล่นอยู่เมื่ออายุ 30 ปี มันเป็นอะไรที่ผมภูมิใจมาก และนั่นก็แสดงให้เห็นว่าตลอดระยะเวลา 13-14 ปีมานี้ผมก็เล่นได้ดีใช้ได้เลยล่ะ
จากทุกๆ สิ่งทุกอย่างที่คุณได้รับในอาชีพนี้ ช่วงเวลาไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด?
นัดที่ผมคิดถึงเป็นอันดับหนึ่งก็คือ นัดแรกที่ผมลงเล่นให้กับทีม ผมไม่ค่อยได้ลงเล่นในทีมสำรองมากนัก เหมือนๆ กับว่าผมได้เล่นในทีมเยาวชนแล้วก็กระโดดขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่เลย ผมก็พยายามที่จะอยู่ในทีม และผมก็พัฒนาขึ้นและกลายเป็นนักเตะที่เก่งขึ้น
ความทรงจำของคุณในคืนที่ยูไนเต็ด ได้แชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 26 ปีของทีมเป็นอย่างไรบ้าง?
สิ่งสำคัญที่ติดอยู่ในความทรงจำของผมก็คือ การได้นั่งรถไปกับทีมรอบๆ เมืองเพื่อฉลอง ทุกคนเปิดประตู หน้าต่างมาต้อนรับเราและโบกธงแสดงความยินดี มันเป็นความรู้สึกที่ปลดปล่อยมากเพราะในที่สุดเราก็สามารถคว้าแชมป์มาได้ เหมือนกับเราโยนภาระหนักอึ้งจากบ่าเราออกไปแล้ว มันเป็นเหตุการณ์ที่ทุกๆ คนทั้งนักฟุตบอลและแฟนๆ ต่างก็มีความสุขกันถ้วนหน้า
แล้วเมื่อเปรียบเทียบความรู้สึกกับครั้งที่ได้ถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1999 ล่ะ?
มันก็ยังยากที่จะลืมความรู้สึกที่ได้แชมป์แรกอยู่ดีล่ะ เพราะว่าก่อนหน้านั้นเราได้รับความผิดหวังจากการพบกับ ลีดส์ มาก่อน แต่ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็จะต่างออกไป ถ้ามองกลับไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น เราทุกคนต่างก็ช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้น ทุกคนในห้องแต่งตัวต่างก็มีรอยยิ้ม มันเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมมากใน บาร์เซโลน่า
คุณเคยพบกับสถานการณ์ที่เป็นนักเตะอายุน้อยในทีมคนหนึ่ง แต่ในตอนนี้กลับมานักเตะอายุน้อยมากมายในทีมชุดใหญ่อย่างเช่น รูนี่ย์, โรนัลโด้ และ สมิธ คุณจะเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับสมัยที่คุณเข้ามาเล่นในช่วงแรกๆ อย่างไร?
มันต่างกันอ่างเห็นได้ชัดเลยเพราะในตอนนั้นมีแค่ผมกับ ลี ชาร์ป เท่านั้นที่มีอายุน้อยในทีมและผมก็โชคดีที่มีนักเตะอย่าง สตีฟ บรูซ, มาร์ค ฮิวจ์ และ ไบรอัน ร็อบสัน คอยช่วยเหลือผมอยู่ ในขณะที่ตอนนี้มีนักเตะอายุน้อยๆ มากมาย และคนที่จะช่วยพวกเขาก็ได้แก่ ผม รอย คีน และ แกรี่ เนวิลล์ ผมคิดว่ามีความกดดันมากมายกับนักเตะหนุ่มๆ ในปัจจุบัน และหากพวกเขาต้องการคำแนะนำเราก็สามารถช่วยพวกเขาได้ด้วยประสบการณ์ที่เรามี
เซอร์ อเล็กซ์ มีอิทธิพลมาก ทั้งต่อการอยู่กับทีมที่ยาวนานของคุณ และการที่ทำให้คุณกลายเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จที่สุดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด...
ใช่ ผู้จัดการทีมมีส่วนสำคัญมาก ครั้งแรกที่ผมเข้ามาในทีม ผู้จัดการทีมอยากให้ผมประสบความสำเร็จโดยเฉพาะในอีก 10 ปีข้างหน้า (เมื่ออายุได้ 26 27) และผมคิดว่านั่นล่ะคือสิ่งที่ผมได้ทำผ่านมาแล้วจริงๆ ผมกลายเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้นและผู้จัดการทีมก็ช่วยผมหลายๆ อย่างตั้งแต่ผมอายุได้ 17 18 ปี เขาให้ผมพักในเกมสำคัญบางเกมและเขาก็ช่วยปกป้องผมจากสื่อ และยังปล่อยให้ผมได้ตัดสินใจในชีวิตของผมเองในฐานะนักเตะอายุน้อยอีกด้วย
ก่อนเริ่มฤดูกาลทุกครั้งผู้จัดการทีมจะพูดเสมอเกี่ยวกับความสำคัญของความกระหายในชัยชนะของนักเตะ จากทุกๆ สิ่งที่คุณได้รับมาคุณยังคาดหวังความสำเร็จในปีนี้อีกมั๊ย?
แน่นอน สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ต้องคว้าแชมป์ลีกกลับมาให้ได้ และหลังจากนั้นก็คือ แชมเปี้ยนส์ ลีก สิ่งเหล่านี้คือเป้าหมายหลักของเรา ตั้งแต่ครั้งที่เราได้แชมป์ยุโรปครั้งล่าสุด เราก็อยากจะได้แชมป์นี้อีกครั้ง และหากผมต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งและได้รับอนุญาตให้คว้าได้อีกเพียงถ้วยเดียว ผมก็จะขอคว้าแชมป์ยุโรปอีกครั้ง