
ที่น่าประหลาดใจกว่านั้น เมื่อได้รู้ว่า สเป็คเตอร์ เพิ่งเล่นตำแหน่งกองหลังได้เพียง 2 ปี เท่านั้น หลังจากก่อนหน้านี้เป็นตัวสำรองของศูนย์หน้าอย่าง เฟร็ดดี้ อาดู กับ เอ็ดดี้ เกฟ ในทีมชาติสหรัฐอเมริกา มาตลอด เจ้าหนู สเป็คเตอร์ ซึ่งสูง 6 ฟุต ได้ถูกโยกไปเล่นเป็นกองหลังช่วงครึ่งเวลาหลังของ เกม U-17 แมตช์ที่สหรัฐ พบกับ U-17 ของเวลส์ ในทัวร์นาเมนต์ Ballymena ที่ประเทศไอร์แลนด์เหนือ หลังจากที่โค้ช จอห์น เอลลิงเกอร์ ได้เห็นลีลาการเล่นเกมรับของ สเป็คเตอร์ เขาได้เดินเข้าห้องแต่งตัวแล้วบอกกับผู้ช่วย จอห์น แฮคเวิร์ธ ว่า สเป็คเตอร์ จะไปเล่นกองหลัง คุณมีเวลาสิบนาที เพื่อจะสอนเด็กนั่นทุกอย่างที่เขาจำเป็นต้องรู้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผู้ช่วย แฮคเวิร์ธ สอนดี หรือเป็นเพราะตัวเจ้าหนู สเป็คเตอร์ เองที่มีแววอยู่แล้ว (แต่ก็น่าจะทั้งสองอย่างนะ) แมตช์นั้น สเป็คเตอร์ ช่วยให้ทีมพลิกกลับมาชนะ 2-1 ตั้งแต่นั้นมาตำแหน่งกองหลังตัวกลางก็เป็นตำแหน่งประจำของเจ้าหนูรายนี้ และในแมตช์ถัดมาประตูสู่สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็มาถึง เมื่อ สเป็คเตอร์ โชว์ฟอร์มเด่นจับตายศูนย์หน้าของทีมออสเตรีย ที่แมวมองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งใจไปดู!! ทำให้ต้องจดชื่อกองหลังโนเนมจากอเมริการายนี้ไว้ด้วย
คุณเริ่มเล่นในทีมชุดใหญ่ของยูไนเต็ด ในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่อเมริกา ลองเล่าประสบการณ์ตอนนั้นให้ฟังหน่อยสิ
"ครับ, มันมีส่วนแตกต่างนิดหน่อยนะครับกับช่วงปรีซีซั่น เพราะตอนนั้นทีมมีนักเตะเจ็บหลายคน แล้วก็มีอีกหลายคนที่ไม่ได้ติดทีมไปด้วย แต่มันก็สุดยอดเลยครับสำหรับการลงเล่นในทีมชุดใหญ่ โดยเฉพาะการได้เล่นในชิคาโก้บ้านเกิด กับทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกต่อหน้าครอบครัวแล้วก็เพื่อนๆ ผม ในสนามมันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ มีนักเตะไม่กี่คนหรอกครับที่จะมีประสบการณ์อย่างนั้น ตื่นเต้นจริงๆ เลยครับ แต่ผมก็ไม่ได้ประหม่าหรืออะไรทำนองนั้นนะ แค่ตื่นเต้นกับโอกาสตอนนั้นเฉยๆ ผมได้เล่นเกมต่อมาที่ฟิลาเดลเฟีย แล้วก็อีกหลายเกม ทุกเกมที่ได้ลงเล่น ทั้งแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก หรือนัดแรกในพรีเมียร์ ลีก ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ทุกครั้ง ผมก็เรียนรู้จากมันไปเรื่อยๆ นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญครับ"
เราได้ยินมาว่า คุณไม่รู้ตัวเลยว่าจะได้เล่นในเกมที่พบกับ ดินาโม บูคาเรสต์ จนกระทั่งวันแข่ง
"เราพักกันที่โรงแรมในเมืองแมนเชสเตอร์ ตอนวันแข่ง เรากินอาหารก่อนเกมกันที่นั่น แล้วก็ดูวีดีโอการเล่นของพวกเขา (ดินาโม) จากนั้นเราก็เดินทางไปสนาม แล้วก็มีประชุมทีมประมาณ 1 ชั่วโมง หรือชั่วโมงครึ่งก่อนเกม ซึ่งเราจะรู้ว่าใครได้เล่นตอนนั้น เซอร์ อเล็กซ์ กำลังพูดรายชื่อนักเตะที่จะได้ลงอยู่ แล้วก็บอกว่ากองหลังมีคนนั้น คนโน้น คนนี้ แล้วก็พูดชื่อผมขึ้นมา ช็อคไปเลยครับตอนนั้น พวกเขาควรจะบอกผมก่อนว่าจะได้เล่นเป็นนัดแรก แต่ก็ไม่ได้บอก"
ปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างแรกหล่ะ?
"เซอร์ไพรซ์สิครับ แต่นึกได้ว่าผมควรจะสนใจฟังว่าเราควรจะทำอะไรมากกว่า ผมไม่มีเวลาตกใจมาก เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมากครับ แล้วผมก็ต้องตั้งใจฟังแผนการเล่นด้วย จนหลังเกมนั่นแหละถึงเริ่มรู้ตัวว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญขนาดไหนสำหรับผม แต่ผมก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสสำคัญที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าผมทำได้"
อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาคุณได้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน ประหลาดใจมั้ย?
"ผมไม่รู้ตัวว่าได้รางวัลจนฝ่ายประชาสัมพันธ์มาบอกผมหลังเกมนั้นแหละ แต่ก็ดีใจปนเสียใจนะครับ เพราะเราไม่ได้ผลการแข่งขันที่หวังเอาไว้ แต่ผมภูมิใจนะกับรางวัลที่ได้ โดยเฉพาะมันเป็นเกมในบ้าน ผมต้องไปยืนบนเวทีเล็กๆ บนสนาม แล้วก็รับแชมเปญขวดนึง ผมจะไว้ให้พ่อกับแม่ผมที่จะมาเดือนตุลานี้หละ"
คุณเคยตั้งความหวังไว้หรือเปล่าว่าจะได้ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่หลังจากมาร่วมทีมได้เพียงปีเดียว?
"ผมไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลยหลายคนที่สโมสรบอกว่าผมก้าวหน้าจากแผนที่วางเอาไว้มาก ผมก็ได้แต่คิดว่า แผนอะไร ผมไม่เห็นมีสักอัน (หัวเราะ) ผมไม่ได้ตั้งเวลาสำหรับการขึ้นทีมชุดใหญ่หรอกนะ ผมเพียงแต่ตั้งใจซ้อมให้หนัก พัฒนากับปรับปรุงตัวเองเสมอก่อน แล้วโอกาสคงมาถึง ผมก็ไม่รู้ว่ามันมาเร็วหรือช้า แค่มันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่ได้วางแผนอะไรเลย"
คุณเข้าร่วมทีมสหรัฐ U-17 ในตำแหน่งมิดฟิลด์ แล้วก็ไปเล่นกองหน้าอยู่พักนึง ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นกองหลังได้สองปีหน่อยๆ มันเป็นยังไงบ้างหละ?
"ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการเริ่มเล่นตั้งแต่กองหน้าถึงกองหลังภายในสองปี มันเกิดขึ้นเร็วจริงๆ และเป็นประสบการณ์เรียนรู้ที่ดี ผมรู้สึกชินกับตำแหน่งปราการหลังตัวกลางมากขึ้นทุกวัน และตอนนี้ผมก็เล่นให้ยูไนเต็ด ในตำแหน่งแบ็คซ้าย แล้วผมก็ถนัดขวา - ซึ่งนั่นก็เป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผมจริงๆ ผมคิดว่าผมก็แค่ลองปรับตัวหลายตำแหน่งหน่อยเพื่อจะได้รู้ว่าผมควรเล่นตรงไหน"
คำแนะนำที่ดีที่สุดที่คุณเคยได้รับจากการลงสนามคืออะไร?
"ความจริงพวกโค้ชไม่ได้บอกอะไรมากมายหรอก พวกเขาแค่อยากเห็นคุณลงไปเล่นแล้วตัดสินใจด้วยตัวเองแค่นั้น ดังนั้นเขาไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากมาย ยกเว้นเป็นเกมที่ต้องการทิศทางการเล่นที่แน่นอน พวกเขาถึงแนะนำคุณ คำแนะนำที่ดีที่สุดเห็นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ประชุมทีม เซอร์ อเล็กซ์ บอกว่าเพียงทำตัวเองให้สนุก สนุกไปกับเกม ทำอย่างที่คุณอยากทำ แล้วก็สร้างสรรค์หน่อย ผมว่ามันเป็นคำแนะนำที่ดีมากเลยนะครับ เพราะทีมกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตก ทั้งมีผู้เล่นเจ็บหลายคน แล้วก็เราออกสตาร์ทฤดูกาลได้ไม่ดีนัก"
แล้วคำแนะนำที่ดีที่สุดที่ได้รับจากเพื่อนร่วมทีมในสนามหละ?
"ผู้เล่นทุกคนให้ความช่วยเหลือได้ดีจริงๆ ครับ ตอนผมเริ่มเข้ามาพวกเขาก็แนะนำตัวเอง ทั้งที่ผมก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใครกันบ้าง พวกเขายอดเยี่ยมแล้วก็ติดดินจริงๆ และ มิคาเอล ซิลแวสตร์ เขาช่วยเหลือผมได้มากในการสื่อสารกันระหว่างเกม แล้วก็รวมถึง ไรอัน กิ๊กส์ ที่ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย ผมก็แค่รับเอาทุกอย่างที่พวกเขาสอนผมเท่านั้นเอง"
สิ่งไหนที่คุณคิดว่ายากในการปรับตัวกับการเล่นในลีกอังกฤษ?
"สิ่งที่แตกต่างมากที่สุดคือความเร็วในการเล่น ทุกอย่างที่นี่เล่นกันเร็วมาก พวกเขาคิดไปไกลกว่าที่กำลังเล่นอยู่ตลอด จะวิ่งไปทางไหน จะรับมือกับคุณยังไง แค่ความแตกต่างเรื่องความเร็วของเกมเท่านั้นล่ะครับ"
คุณทำยังไงถึงเข้าไปร่วมกับเกมได้?
"การเล่นตอนแรกๆ ของผมมักจะเล่นลูกสั้นๆ เพื่อให้เข้ากับกระแสของเกม เพราะเกมที่นี่เร็วมาก ผมมักจะเล่นเร็วๆ ช่วงสองสามนาทีแรกเสมอ พอชินกับจังหวะแล้วก็เริ่มรุกไปข้างหน้าครับ"
เกี่ยวกับความมุ่งมั่นในการเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ คุณคิดยังไง?
"ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมครับ การเล่นในทีมชาติชุดใหญ่แล้วชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นความฝันของนักฟุตบอลอเมริกัน ทุกคน แต่ตอนนี้ผมให้ความสนใจไปในการเล่นให้ยูไนเต็ด ก่อน ให้ถึงเวลาเรียกตัว ไม่ว่าจะเป็น U-20 หรือชุดใหญ่ ผมถึงกังวลถึงมัน ผมรักที่จะเล่นให้ประเทศ ผมมีประสบการณ์ที่ดีกับทีมชุด U-17 เราสนิทกับเพื่อนร่วมทีมดี และยังคงติดต่อกันอยู่ เพียงแต่ตอนนี้ขอตั้งใจเล่นให้สโมสรก่อนครับ"
ชีวิตประจำวันคุณเป็นไงบ้าง?
"ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าชีวิตประจำวันได้หรือเปล่า เพราะมันเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน ปกติผมตื่นเช้าแล้วก็ไปสนามซ้อม การซ้อมจะเริ่มประมาน 10.30 น. เราจะซ้อมกันประมาณชั่วโมงครึ่งหรือสองชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเกมในอาทิตย์นั้น เราต้องเล่นหลายเกมในฤดูกาล และต้องเดินทางบ่อยๆ ด้วย การเดินทางหละครับที่ทำให้มันเปลี่ยนบ่อยๆ เราซ้อมกันในช่วงเช้า และอาจต่อด้วยด้วยการเล่นเวท หรือยืดตัว มันเปลี่ยนตลอดหละครับ"
เพื่อนๆ ที่สหรัฐอเมริกาถามคุณเกี่ยวกับอะไรมากที่สุด?
"ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของฟุตบอลหละครับ เพราะนั่นเป็นเหตุผลที่ผมมาที่นี่ พวกเขาถามว่าผมเล่นเป็นไง ใครลงเล่นบ้าง แล้วก็เจอกับทีมอะไร ตอนนี้ผมมีเรื่องเล่าดีๆ เกี่ยวกับการลงสนามนัดแรก แล้วก็เรื่องรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วย"
คุณใช้ชีวิตในอังกฤษได้ปีครึ่งแล้ว เป็นยังไงบ้าง?
"ผมยังอาศัยอยู่กับครอบครัว ผมหวังว่าเมื่อมีโอกาสผมคงได้ย้ายออกมา เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะ สักวันหนึ่งผมคงมีที่เป็นของตัวเอง ที่จริงผมเพิ่งได้รถมาเมื่อสองวันก่อน มีคนให้ยืมครับ แต่มันดีกว่ารถที่ผมซื้อซะอีก ผมเลยเฉยๆ แล้วก็การขับรถที่นี่ลำบากนิดหน่อยเพราะถนนมันเล็กกว่า แต่เดี๋ยวผมคงชินหละ"
เกี่ยวกับแฟนๆ ล่ะ ให้การตอบรับคุณดีไหม?
"ครับ พอเราซ้อมเสร็จตอนกำลังออกจากคาร์ริงตัน ก็จะมีแฟนๆ มาคอยมุงอยู่ มักจะเป็นเด็กๆ ที่รอขอลายเซ็น ผมก็หยุดเซ็นนะ พวกแฟนๆ ก็ยอดเยี่ยมมาก พวกเขารู้ชื่อคุณ รู้ว่าคุณเป็นใคร ตอนแข่งบรรยากาศก็สุดยอดมาก พวกเขาส่งเสียงเชียร์ทั้งเกมแล้วก็เสียงดังจริงๆ"
สุดท้ายแล้วครับ คุณเห็นแฟนบอลทำผมทรง mullen ตามแบบคุณแล้วหรือยัง?
"ยังเลยครับ (หัวเราะ) ผมว่ามันเร็วไปหน่อย แต่เราคงได้เห็นกันเร็วๆ นี้หละ"