ดิมิทาร์ คุณรู้สึกยังไงที่ถูกจารึกเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
"ก่อนเกมกับลิเวอร์พูล ผมไม่รู้มาก่อนว่ามันนานมากแล้วที่นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ทำแฮตทริกในเกมกับลิเวอร์พูล ได้ แต่หลังจากจบเกม ผมก็ถึงได้รู้ว่าไม่มีใครทำแฮตทริกได้มา 64 ปีแล้ว ดังนั้นผมจึงรู้สึกภูมิใจมาก มันเป็นวันที่มหัศจรรย์มากสำหรับผม มันไม่ใช่ทุกวันหรอกนะที่คุณจะทำแฮตทริกเหนือทีมอย่างลิเวอร์พูล ได้น่ะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราชนะ ถ้าเกมจบที่ 2 - 2 แม้ว่าผมจะทำได้ทั้ง 2 ประตู มันก็คงไม่น่าชื่นชมอะไรนักหรอก มันเป็นเกมที่เยี่ยมมาก ผมหวังว่าทุกคนจะได้รับความบันเทิงไปกับมัน"

ทุกคนยังคงพูดถึงลูกตีลังกายิงของคุณ คุณคิดว่ามันเป็นยังไงบ้าง
"ผมเพียงแต่อยู่ในกรอบเขตโทษ และก็เห็นนานี่เปิดบอลมา เวย์น รูนี่ย์ อยู่ข้างหน้าผม และเขากำลังจะเข้าหาบอล แต่ผมก็ตะโกนให้เขาปล่อยบอลให้ผม ผมคิดว่าเขาได้ยินผมนะ หลังจากนั้นในห้องแต่งตัวเขาก็บอกผมว่าเขาได้ยินผมจริงๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาปล่อยบอลในวินาทีสุดท้าย ผมเห็นบอลลอยมา และไม่มีทางอื่นเลยที่จะควบคุมมันนอกจากใช้ช่วงต้นขา และผมก็แค่ลองบางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม ในสถานการณ์แบบนั้นคุณไม่มีเวลาคิดมากหรอก สิ่งแรกที่มาในหัวคุณก็คือเก็บบอลไว้ที่ระดับต้นขา และก็พยายามยิงมันแบบนี้ (แสดงท่าตีลังกายิง) แม้แต่ตอนที่ผมยิงไปแล้วผมก็ยังไม่รู้ว่าบอลเข้าประตูหรอกนะ ผมลงไปนอนอยู่กับพื้น เหลียวกลับไป แล้วก็ได้ยินเสียงผู้คนเฮกันสนั่น ผมจึงได้รู้ว่าสิ่งพิเศษได้เกิดขึ้นแล้ว"

เราพอใจกับประตูที่ 3 เหนือลิเวอร์พูลมาก ไม่ใช่เพียงเพราะมันเป็นประตูชัยหรอกนะ แต่เพราะว่ามันเป็นประตูที่คลาสสิคมากสำหรับตำแหน่งศูนย์หน้าตัวกลาง การโชว์ลีลาการเล่นสวยๆ มันสำคัญแค่ไหนในเกมของคุณน่ะ
"ผมเรียกตัวเองว่าเป็นศูนย์หน้าตัวกลางที่คลาสสิค ดังนั้น ผมจึงพยายามที่จะนำเอาสิ่งที่แตกต่างมาสู่เกม ผมใส่ใจกับการจับบอล และเทคนิคการเล่นมากกว่าการกระโดด และใช้ข้อศอกหรือช่วงแขน ที่จริงแล้วมันมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่คุณต้องตัดสินใจเลือกว่าสิ่งไหนคือเทคนิคประจำตัวคุณ หรือทักษะอะไรที่คุณใช้ทำประตู ประตูที่ 3 ในเกมกับลิเวอร์พูลเป็นประตูที่สวยงามสำหรับผมเช่นกัน มันเป็นการเปิดเข้ามา ที่มีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่จะคิดว่ากองหลังคู่แข่งจะทำอะไร และคุณจะแก้เกมจากพวกเขาได้อย่างไร ผมกระโดดก่อนที่บอลจะมาถึงเจมี่ คาร์ราเกอร์ เพียงเสี้ยววินาที และก็นั่นแหละ ผมต้องรวดเร็ว มองจากข้างนอกอาจดูว่ามันยากนะ แต่มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอก"

คุณ และศูนย์หน้าคนอื่นๆ รู้สึกผิดหวังหรือท้อบางมั๊ยที่ถูกตัดสินด้วยการทำประตูเพียงอย่างเดียว
"คุณจะโกรธไม่ได้หรอก ทุกคนมักจะคิดว่าพวกเขาเข้าใจฟุตบอล ผู้คนทั่วโลกคิดว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่สำหรับผมแล้วนักเตะที่ดี นักเตะที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่แค่ทำประตูได้เท่านั้น มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับมุมมอง การจับบอล และการตัดสินใจมากกว่า ผมรู้จักศูนย์หน้าหลายคนที่ทำประตูได้มากมาย แต่พวกเขาไม่มีทักษะ หรือเทคนิคที่ผมอยากจะเห็น ผมมักจะชอบผู้เล่นที่สามารถคุมบอล และคิดล่วงหน้าไปอีก 2 ก้าวข้างหน้า นักเตะอย่างซีดาน หรือซาวี่ หรือเมสซี่ ซึ่งแม้จะไม่ใช่ศูนย์หน้า แต่เขาก็เป็นมิดฟิลด์ที่ทำประตูได้มาก คุณพูดถูก สำหรับการเป็นศูนย์หน้าแล้ว ผู้คนมักตัดสินคุณจากจำนวนประตู แต่สำหรับผมมันมีอะไรที่มากกว่านั้น"

ถ้าอย่างนั้นคุณก็ให้ความสำคัญกับการให้ความบันเทิงมากกว่าการทำประตูล่ะสิ
"ใช่ นั่นคือเป้าหมายของผมล่ะ คุณต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะเล่นช้าลงหรือเมื่อไหร่ควรเร่งความเร็ว ซีดานทำได้ดีในเรื่องนี้ เขารู้ว่าเขาจะทำอะไรเมื่อจับบอล และเมื่อนักเตะมั่นใจในตัวเองพวกเขาก็สามารถทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ ผมรู้ว่าผมสามารถทำอะไรได้และผมก็พยายามทำแบบนั้น ผมพยายามเล่นสนามฝึก และเมื่อใดก็ตามที่คุณเห็นนักเตะทำประตูในสนามแล้วล่ะก็ เชื่อได้เลยว่าพวกเขาเคยยิงแบบนี้มาแล้วในการฝึกซ้อม คุณต้องพยายามนำทักษะจากสนามซ้อมไปใช้ในสนามจริง"

เพราะว่าคุณทำเหมือนฟุตบอลเป็นสิ่งที่ง่าย หลายคนจึงคิดว่าคุณไม่ได้ฝึกหนักกับมัน แต่ทักษะเหล่านั้น คุณก็ต้องฝึกซ้อมนี่ ใช่มั๊ย
"ใช่ แน่นอนเราต้องฝึกฝน แต่มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่คุณยังเด็กแล้ว ผมจำได้เมื่อผมยังเด็กผมจะเตะบอลสูงประมาณ 1,000 ครั้งทุกๆ วัน เพื่อพยายามหยุดมันด้วยเท้า ผมคิดว่าการทำแบบนั้นทำให้ผมมีเทคนิคที่ดีในตอนนี้ ผมจึงรู้ว่าควรควบคุมบอลอย่างไร และควรมองไปทางไหน และเมื่อคุณกลายเป็นนักเตะอาชีพ คุณก็จะพยายามพัฒนาทักษะของคุณ คุณต้องฝึกซ้อม และที่เดียวที่จะทำได้ก็คือ สนามซ้อม หรือที่บ้าน ถ้าคุณมีบ้านหลังใหญ่นะ (หัวเราะ) ในอีกทางหนึ่ง บางครั้งเมื่อลงสนาม คุณอาจมีเวลาได้คิดว่า "ถ้าฉันทำแบบนี้ ทำแบบนั้นล่ะ" คุณอาจไม่เคยทำมาก่อนแต่คุณก็ลองทำได้ อย่างเกมกับลิเวอร์พูล ผมก็คิดว่า "อืม คุณไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น" ผมยังรู้สึกเลยว่าถ้าผมยิงจากครึ่งสนามผมยังอาจจะทำประตูได้เลย ความเป็นจริงก็คือ เมื่อคุณรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในเกมมันไปได้ดีสำหรับคุณ คุณก็จะมีพลังไปกับมัน"

การมีความมั่นใจในระดับนั้นคงเป็นสิ่งที่เยี่ยมทีเดียว แต่แล้วมันเป็นยังไงตอนที่คุณไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดี
"คุณต้องเข้มแข็ง คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป มันจะมีช่วงเวลาที่คุณไม่รู้สึกดี แต่คุณก็มีเพื่อนร่วมทีม และคุณก็มีผู้จัดการทีมที่อยู่ข้างหลังคุณเสมอ"

สายสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเพื่อนร่วมทีมดูเหมือนจะแข็งแร็งมาก ถ้าดูจากการฉลองประตูในเกมกับลิเวอร์พูลนะ คุณรู้สึกเหมือนแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเหมือนบ้านหรือยัง
"ผมรู้สึกสิ และผมรู้ว่าคุณหมายความว่ายังไงเกี่ยวกับการฉลองประตู ผมได้ดูไฮไลท์เกมนี้ และเห็นพวกเขาดีใจไปกับผม พอๆ กับดีใจที่ได้ประตู ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมาก มันแสดงให้เห็นว่าเพื่อนร่วมทีมยอมรับผมเป็นส่วนหนึ่งของทีม บางครั้งคุณจะได้เห็นศูนย์หน้าทำประตูแต่ไม่มีใครร่วมดีใจกับเขาเลย แต่นี่ไม่ใช่ มันทำให้ผมยิ้มเวลาที่ย้อนกลับไปดูเกมนี้อีกครั้ง"

คุณเคยคิดที่จะกลับไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มั๊ย คุณมีทักษะในการเก็บบอลนะ
"ผมยังเคยลองเป็นกองหลังตอนฝึกซ้อมเลยด้วยซ้ำ! แต่พวกเขามักจะตะโกนใส่ผม "ไปข้างหน้าสิ ไปเล่นเป็นศูนย์หน้าไป๊" อะไรแบบนี้ แต่ผมก็ชอบนะ คุณไม่รู้หรอก หลายคนเริ่มจากการเป็นศูนย์หน้าแล้วเปลี่ยนไปเล่นมิดฟิลด์ พ่อของผมเคยเป็นศูนย์หน้ามาก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนไปเล่นกองหลัง บางทีผมอาจชอบเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตอนอายุ 37 ก็ได้"

คุณก็เป็นพ่อคนแล้วตอนนี้ สิ่งนี้เปลี่ยนมุมมองในชีวิตของคุณอย่างไรบ้าง
"คุณเชื่อมั๊ย เรามีเด็ก 2 คนในบ้านแล้วตอนนี้ คือผมและลูกสาวของผมน่ะ ผมยังคงเรียนรู้อยู่นะ บางครั้งผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร แต่อย่างน้อยผมก็พยายามล่ะ ผมมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก เสียงร้องไห้ของลูกมันก็น่ารำคาญบ้างเป็นบางครั้ง แต่เราทุกคนก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ผมก็เลยไม่บ่นหรอก ตราบใดที่ครอบครัวของเรายังแข็งแรง ผมก็มีความสุขแล้ว"

คุณทำงานการกุศลสำหรับเด็กในบัลแกเรียเยอะมาก คุณเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไรบ้าง
"ผมก่อตั้งมูลนิธิในชื่อของตัวผมเอง และเราทำเพื่อบัลแกเรียโดยเฉพาะ ที่นี่มีผู้คนโด่งดังช่วยเหลือหลายคนแล้วจึงไม่ต้องการผม แต่ที่บัลแกเรียเป็นประเทศเล็กๆ และผมก็พยายามใช้ชื่อของผมหรืออะไรก็ตามที่พอจะช่วยได้ โดยเฉพาะเด็กพิเศษ เพราะเรามีมูลนิธิสำหรับเด็กป่วยมากมายแล้ว ผมจึงเน้นไปที่เด็กพิเศษแทน อีกอย่างที่ประเทศของผมไม่เคยมีใครทำเพื่อพวกเขาแล้วสำเร็จจริงๆ เลย ผมพยายามจะช่วยพวกเขาทุกทางไม่ว่าจะเป็นด้านการเล่นกีฬา ด้านร่างกาย หรือด้านการแสดง"

ถ้ามองไปข้างหน้า คุณมีเป้าหมายสำหรับตัวคุณเองอย่างไรในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล
"เป้าหมายแรกของผมคืออยู่ให้ห่างจากอาการบาดเจ็บ ผมคิดว่ามันเป็นเป้าหมายแรกของทุกคน ดังนั้น ผมจึงป้องกันอาการบาดเจ็บอย่างแข็งขันกับทีมโค้ชของเรา แล้วเมื่อคิดถึงอนาคตข้างหน้า แน่นอนคุณย่อมต้องการชัยชนะในทุกถ้วย แต่มันก็ไม่ง่าย ดังนั้นจึงคิดว่าคุณจะช่วยทีมได้อย่างไร ทั้งการทำประตู การเปิดบอลให้เพื่อน และทุกอย่างที่เป็นไปได้"

สุดท้ายนี้ เราทุกคนชอบทักษะของคุณในสนาม แต่บอกเราหน่อยได้มั๊ยว่าเรื่องไหนที่คุณทำได้แย่มาก
(หัวเราะ) "เทนนิส และกอล์ฟ ทุกคนที่นี่ดูเหมือนจะชอบเล่นกอล์ฟ ยกเว้นผม ผมขอหนีห่างๆ เลย ผมไม่สามารถตีโดนลูกเลยนะ ผมเล่นได้แย่มาก"

Opal

บทสัมภาษณ์