
หลังจากประกาศแขวนสตั๊ดไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ แกรี่ เนวิลล์ ก็ได้มาให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุการตัดสินใจแขวนสตั๊ดของเขากับ MUTV
คุณทำให้ทุกคนประหลาดใจกันมากกับการประกาศเลิกเล่นในครั้งนี้ คุณพอจะบอกเราได้มั๊ยว่าเหตุการณ์มันเป็นมายังไงคุณถึงได้ออกมาประกาศแขวนสตั๊ดในตอนนี้
"มันไม่ใช่การตัดสินใจเพียงช่วงเวลาวันสองวันหรอกนะ มันเกิดขึ้นจากการรวบรวมหลายๆ เหตุการณ์ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามานั่งคิด และจากการได้พูดคุยกับผู้จัดการทีมเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน แต่ผมก็ไม่ได้ด่วนตัดสินใจอะไรหรอกนะ ผมก็กลับบ้านไปคิดอีกเป็นอาทิตย์เลยถึงได้ข้อสรุป และผมก็รู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และเวลาของผมก็หมดแล้ว เมื่อมันหมดเวลาของคุณแล้ว ยังไงมันก็คือหมดนั่นแหละ"
คุณยังสามารถเล่นได้จนจบฤดูกาล แต่ทำไมคุณถึงเลิกเล่นเอากลางฤดูกาลแบบนี้ล่ะ
"บางครั้งสัญชาตญาณของคุณเองก็บอกว่ามันหมดเวลาของคุณแล้ว ซึ่งผมก็เป็นแบบนั้น หลังจากการได้พูดคุยกับผู้จัดการทีมมันก็เป็นไปได้ว่าผมสามารถลงเล่นจนจบฤดูกาล แต่ความสามารถของผมมันไม่เหมือนตลอด 19 -20 ปีที่ผ่านมาแล้ว ผมอาจได้ลงเล่นกับนักเตะอายุน้อยหลายๆ คนแต่นั่นก็จะถึงแค่จบฤดูกาลนี้เท่านั้น ผมได้ลงเล่นนัดสุดท้ายในเกมกับเวสต์ บรอม และหลังเกมผมก็ได้บทสรุปค่อนข้างเร็วทีเดียว เพราะตลอดการลงสนามผมรู้สึกไม่ถูกที่ถูกทาง และก็คิดว่าเวลาของผมมาถึงแล้ว ดังนั้นผมก็ไม่อยากจะยื้อไปอีก 4 เดือน ในความคิดของผม ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางที่เหมาะสมสำหรับผมอีกแล้ว และผมก็รู้ว่าผู้จัดการทีม และสโมสรเองก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับในการตัดสินใจของผม"
งั้นก็หมายความว่าคุณตัดสินใจหลังเกมกับเวสต์ บรอม ในวันปีใหม่นี้น่ะเหรอ
"มันไม่ใช่หลังเกมหรอกนะ แต่เป็นในระหว่างลงสนามเลยล่ะ (หัวเราะ) แต่จริงๆ แล้วผมคิดไว้ก่อนหน้านั้นเป็นเดือนแล้วล่ะ มันไม่ใช่ว่าคุณจะยอมแพ้เพียงเพราะการเจอเกมแย่ๆ แค่ 1 เกมหรอก ผมรู้สึกว่าผมพอแล้วกับเวลา 20 ปี สิ่งที่ผมรู้สึกในช่วงต้นฤดูกาลหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ น่ะ คือการกลับมาลงสนามให้ได้อีกครั้ง ซึ่งนั่นคือจิตวิทยาที่เกิดขึ้นในสโมสรอยู่เสมอ แต่คุณก็รู้สึกด้วยตัวคุณเองว่าคุณไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว และเวลานี้ของผมมาถึงแล้ว ตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ผมได้ลงเล่น 25 - 30 เกมต่อฤดูกาล มีหลายเกมที่ผมรู้สึกมีส่วนร่วมในทีม แต่เมื่อใดที่คุณไม่มีส่วนร่วมในทีมแล้ว ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ และผมไม่อยากเป็นเพียงผู้โดยสารของทีม"
บางทีคุณอาจจะต้องการได้ขึ้นไปชูถ้วยแชมป์ในตอนท้ายฤดูกาล หรือว่าตอนนี้มันไม่สลักสำคัญอะไรแล้ว
"มันไม่ใช่ว่ามันไม่สำคัญหรอกนะ แต่นี่คือชีวิตจริง ซึ่งบางครั้งมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่คุณต้องการ แน่นอนว่าในโลกแห่งความฝัน ผมอาจเป็นคนที่เดินไปชูถ้วยแชมป์ แต่ยังไงมันก็เป็นจริงไปไม่ได้หรอก บางอย่างในชีวิตที่คุณไม่ต้องการให้เกิดบางครั้งมันก็เกิดขึ้นกับคุณ และเวลาของผมก็มาถึงแล้ว เพียงแต่คุณจะไปมองย้อนกลับ แล้วมานึกเสียใจไม่ได้หรอก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด"
คุณปรึกษาใครเมื่อคุณตัดสินใจเรื่องนี้
"ผมไม่ได้ปรึกษาใคร ผมตัดสินใจของผมเอง ผมบอกพ่อ แม่ และภรรยาของผมถึงการตัดสินใจของผม พวกเขาก็ไม่ได้บอกให้ผมเปลี่ยนใจหรอกนะ พวกเขารู้ดีว่าผมคิดอย่างไร บางครั้งเมื่ออาการบาดเจ็บมันรุมเร้าคุณมากๆ พวกเขาก็รู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร ผมไม่เชิงปรึกษาใครหรอกนะ เพียงแต่พูดให้หลายๆ คนฟังเท่านั้นแหละ และพวกเขาทุกคนก็รู้จักผมดี และยอมรับการตัดสินใจนี้ พวกเขาอาจจะผิดหวังบ้าง แต่ก็นี่แหละชีวิต"
ผู้จัดการทีมพูดอะไรกับคุณบ้าง
"เขาก็โอเคนะ ที่จริงแล้วเขาบอกผมว่าให้กลับไปคิดให้ดีมันไม่ใช่การตัดสินใจอะไรง่ายๆ เขาช่วยเหลือผมมาก และมีคำแนะนำดีๆ ให้อยู่เสมอ แต่อย่างไรก็แล้วแต่เวลามันก็มาถึงแล้ว นักเตะที่ดีกว่าผมหลายๆ คนก็ลาออกมาแล้ว ดังนั้นมันไม่ใช่จุดจบของโลกหรอก แม้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมแต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือทีม ซึ่งตอนนี้เรามีแต้มนำอยู่ 5 แต้มแล้ว และหวังว่าเราจะคว้าแชมป์ลีกได้ในปีนี้"
คุณได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมบ้างมั๊ย
"ผมได้คุยกับพอล (สโคลส์) และ ไรอัน (กิ๊กส์) บางทีพวกเขาอาจจะรู้ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ เราเล่นฟุตบอลด้วยกันมา 25 ปีแล้ว และผมก็รู้จักสโคลซี่ตั้งแต่อายุได้ 12 ปี และรู้สึกกิ๊กซี่ตั้งแต่อายุ 14 ดังนั้น ผมจึงพูดคุยกับพวกเขา แต่พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างจากผมโดยสิ้นเชิง พวกเขาเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง และยังมีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ผมหวังว่าจะได้เห็นพวกเขาเล่นได้อีกหลายปีเลยล่ะ"
คุณต้องเดินทางมาที่แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกวันตลอด 20 ปีมานี้เพื่อมาซ้อมหรือลงเล่น แล้วตั้งแต่นี้ไปชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปทันที คุณคิดว่าจะรับมือกับมันยังไง
"ใช่ แต่มันก็ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงกระทันหันหรอกนะ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา คุณก็เริ่มยอมรับแล้วว่าช่วงบั้นปลายอาชีพมันมาถึงแล้ว ผมเกือบเลิกเล่นตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว แต่ก็ยังเล่นให้สโมสรมาอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง เดวิด กิลล์ และผู้จัดการทีมโทรหาผมตอนนั้น และขอให้ผมเล่นต่ออีกปีนึง เป็นคุณก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก ผมจึงคิดว่า ผมคือแกรี่ เนวิลล์นะ และผมจะเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องทำ ผมสนับสนุนสโมสรนี้มาทั้งชีวิต ในช่วงปิดฤดูกาลผมจึงฝึกซ้อมเพื่อเตรียมลงเล่นอีก 1 ฤดูกาล แต่แล้วผมก็ได้รับบาดเจ็บในเกมพรีซีซั่น ต้องพัก 4 สัปดาห์ ผมก็กลับมาฝึกซ้อมเพื่อเรียกความสมบูรณ์กลับคืนมา แต่ผมก็ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าอีก ที่เดิมที่เป็นปัญหาเมื่อ 4 ปีก่อน และนั่นแหละผมถึงคิดว่าพอแล้ว ผมควรเลิกเล่นได้แล้ว"
ติดตามอ่านตอนต่อไป
สัมภาษณ์แกรี่ เนวิลล์ Part II : 20 ปีกับแมนฯ ยูไนเต็ด
สัมภาษณ์แกรี่ เนวิลล์ Part III : อิทธิพลของเซอร์ อเล็กซ์