แกรี่ เนวิลล์ ให้สัมภาษณ์หลังจากลงเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครบ 500 นัด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
คุณคิดว่านัดไหนที่คุณประทับใจมากที่สุดจนถึงตอนนี้?
"จนถึงวันนี้ ผมยังคิดว่าการลงสนามนัดแรกของผมในทีมนี้ในเกมที่พบกับตอร์ปิโด มอสโคว เป็นการลงเล่นที่ผมภูมิใจมากที่สุดเพราะว่ามันเหมือนความฝันของนักเตะเยาวชนคนหนึ่งเลยที่เดียว ตอนนี้ผมได้เล่นมาหลายฤดูกาลจนครบนัดที่ 500 ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่เหมือนความฝันมากเท่านี้มาก่อน ผมคิดว่าผมเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก ผมได้เล่นในเกมสำคัญๆ มากมาย บางนัดนำไปสู่การคว้าแชมป์ให้กับทีม จริงแล้วการที่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในความสำเร็จของทีมนั้นมีความหมายต่อผมมากกว่าการลงเล่นครบ 500 นัด เสียอีก"
คุณพูดถึงเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ไหม?
"ผมคิดว่าผมเป็นหนี้บุญคุณเขามากเลยนะที่เขาให้โอกาสอันดีนี้แก่ผม ด้วยเงินที่ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีนั้นสามารถซื้อนักเตะได้อย่างมากมาย แต่เขาก็ไม่ทำอย่างนั้นและเดินหน้ากับทีมด้วยนักเตะอายุน้อย ผมได้เล่นตำแหน่งนี้แทนที่ของพอล พาร์คเกอร์ ส่วนการไปของมาร์ค ฮิวจ์ส ก็สร้างโอกาสให้พอล สโคลส์, อังเดร คอนเชสกี้ ย้ายออกไป ก็เป็นเวลาของเดวิด เบคแฮม ตอนนั้นผู้จัดการทีมโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักแต่เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าที่เขาทำไปนั้นมันถูกต้อง เขามองเห็นว่าพวกเราเป็นนักเตะที่มีความสามารถ สร้างความเชื่อมั่น และโอกาสให้พวกเรา ผมไม่คิดว่าจะมีผู้จัดการทีมคนไหนที่ทำได้อย่างเขาอีกแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตั้งใจที่จะไม่ทำให้เขาผิดหวังได้เลย"
คุณรู้สึกถึงวันที่คุณได้ลงเล่นครั้งแรกว่ามันผ่านไปอย่างรวดเร็วหรือเหมือนกับมันผ่านมานานมากๆ แล้ว?
"เวลานั้นมันผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก ไม่อยากจะคิดเลยว่านี่มันผ่านไป 14 ปี แล้วตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน ปีนั้นที่ผมลงเล่นนัดแรก ผมได้รับการสอนมาให้ดูแลตัวเองให้ดีและผมหวังว่ามันจะส่งผลดีต่อตัวผมด้วย ผมยังจำได้เสมอว่าไบรอัน คิดด์ เคยให้เราวิ่งมากๆ จนเราเหนื่อยแทบแย่แน่ะ และบอกว่า 'คุณจะสามารถซื้อเวลาต่อไปได้ไหมเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องจบชีวิตการค้าแข้งลงไป' นั่นทำให้ผมหันมาดูแลเรื่องความฟิตของตัวเองมากขึ้น ตอนนี้ผมมีความสุขกับการเล่นฟุตบอลมากๆ และหวังว่าผมจะสามารถเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้นานเท่าที่จะเป็นไปได้"
ส่วนตัวคุณตั้งเป้าที่จะลงสนามให้ทีมไปจนถึงกี่นัด?
"ความตั้งใจในการลงเล่นของผมเปลี่ยนไปตลอด ตอนผมได้เข้ามาเป็นนักเตะเยาวชนของทีมนี้ ผมคิดว่าขอลงเล่นสักนัดหนึ่งก็น่าจะดี แต่เอริค แฮร์ริสัน บอกอยู่เสมอว่าจริงๆ แล้วเป้าหมายในการลงเล่นของคุณจะไม่ได้ถูกตั้งขึ้นจนกระทั่งคุณได้ลงเล่นครบ 100 นัด มันจะทำให้เป้าหมายต่อไปคือการเล่นให้ครบ 200 ให้ได้ แต่หลังจากนั้นคุณจะไม่ได้คิดเรื่องนี้อีกเลย จะได้แต่คิดถึงการลงเล่นฤดูกาลต่อฤดูกาลไปเพื่อที่จะนำความสำเร็จมาสู่ทีมในฤดูกาลนั้น"
ถ้าให้คุณคิดถึงนัดหนึ่งที่ผ่านมาในอดีต คุณจะนึกถึงนัดไหนและเพราะอะไร?
"มีอยู่ 4 นัดที่ยังอยู่ในใจของผม ซึ่งก็คือนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อปี 1993 ที่เราแพ้ประตูรวมไป 4-1, เกมลีกที่เราพบกับเวสต์ แฮม แล้วเราพลาดการคว้าแชมป์ไปในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 1994-95 และรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2 นัดคือที่พบกับดอร์ทมุนด์ ปี 97 และเลเวอร์คูเซ่น ปี 2002 นั่นเป็น 4 นัดที่เหมือนกับเป็นอุปสรรคของความสำเร็จของผมเลยทีเดียว เพราะว่านัดพวกนั้นมันเป็นนัดที่ทีมเราเข้าใกล้ความสำเร็จเอามากๆ แล้ว ถ้าตอนนั้นเราไม่พลาดไป ผมอาจจะได้เหรียญชนะเลิศแชมป์ยุโรปมากกว่า 1 เหรียญที่มีอยู่ก็เป็นได้และสโมสรก็อาจจะคว้าถ้วยนี้มากกว่า 2 ครั้งก็เป็นได้ แต่ทุกทีมก็เคยพบประสบการณ์เลวร้ายอย่างนั้นมาทั้งนั้น มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาเสียใจกับเรื่องพวกนี้"
คุณมีอายุครบ 31 ปี แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คุณว่าคุณจะเล่นให้ทีมได้อีกนานแค่ไหน?
"ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะลงเล่นนัดสุดท้ายของผมให้กับทีมเมื่อผมอายุ 39! (หัวเราะ) แต่ความเป็นจริงแล้วผมคงทำไม่ได้อย่างนั้นหรอก สโมสรต้องเดินหน้าต่อไป ตอนอายุขนาดนั้นผมก็คงจะไม่ดีพอแล้วหรอก ตอนนี้ผมก็คิดว่าจะทำทุกฤดูกาลที่ได้ลงเล่นให้ได้ดีที่สุดเท่านั้นเอง"
คุณตั้งเป้าหมายอะไรไว้ให้กับตัวคุณเอง?
"ผมว่าผมโชคดีนะที่ได้อยู่ในทีมเราในยุคที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประวัติศาสตร์ของสโมสรแต่ใน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมได้แชมป์ลีกกับทีม 3-4 ครั้งและได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีกด้วย แต่ผมก็ยังมุ่งหวังอยู่นะที่จะประสบความสำเร็จอีก ดูอย่างฟิล นีล, อลัน แฮนเซ่น หรือกิ๊กส์ สิ เขาได้แชมป์ลีกสูงสุดกับทีมมาถึง 8 ครั้งแล้ว นั่นเป็นระดับที่ผมก็อยากจะทำได้อย่างนั้นบ้างในฐานะนักเตะและส่วนหนึ่งของทีม"
คุณมองการแย่งอันดับสองในตารางของทีมว่าอย่างไรและคุณยังหวังที่จะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในปีนี้อีกหรือไม่?
"เรารู้ดีว่าการจบฤดูกาลด้วยอันดับสองนั้นมันสำคัญมากแค่ไหนและเราก็มุ่งมั่นที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถทำได้ในฤดูกาลนี้ การคว้าแชมป์ปีนี้มันยากมาก เพราะเชลซี ไม่ได้ทำผิดพลาดบ่อยๆ หรือแม้แต่ในเกมที่พวกเขาเล่นได้ไม่ดี พวกเขาก็ยังไม่ยอมทำแต้มหลุดมือมากเท่าไหร่เลย ถ้าเราทำได้ทุกแต้มทีเหลืออยู่แล้วไม่สามารถจะเป็นแชมป์ได้ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวที่จะได้ 90 แต้มในหนึ่งฤดูกาลแล้วก็ยังไม่ดีพอสำหรับการเป็นแชมป์ เรารักษาระดับที่เราเคยเป็นแชมป์ได้ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อ 2-3 ปีนี้ ระดับนั้นมันไม่พอเสียแล้วที่จะเป็นผู้ชนะ เราต้องพัฒนามาตรฐานของเราให้ดีขึ้น แต่ยังไงผมก็ว่าทีมเราเดินมาถูกทางแล้วนะ ผมคิดว่าฤดูกาลหน้าเราจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกและเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถกลับมาเป็นแชมป์ได้อีกครั้ง"