"เบคแก้ว" พิมพรัตน์ คันธฐากูร คุ้นเคยและคลุกคลีอยู่ในชมรมเรด อาร์มี่ แฟนคลับ มากว่า 10 ปี ในฐานะฝ่ายกิจกรรมของชมรม ได้ร่วมแข่งรายการแฟนพันธุ์แท้ ทั้งพรีเมียร์ลีก และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปัจจุบันเขียนคอลัมน์ให้กับ Inside United Thai Edition
จุดเริ่มต้นเชียร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
จุดเริ่มต้นคงจะมาจาก กีฬาฟุตบอลที่ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบเตะฟุตบอลมากกว่าเล่นตุ๊กตา ทำให้ชื่นชอบติดตามดูฟุตบอลทางโทรทัศน์ไปด้วย ทีมที่ติดตามทีมแรกหนีไม่พ้นทีมชาติไทย และทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างฟุตบอลโลก เป็นแฟนทีมชาติอังกฤษมาตั้งแต่ปี 1990 แต่ตอนนั้นไม่รู้จักฟุตบอลสโมสรหรอกนึกว่ามีแต่ทีมชาติ พอโตขึ้นมาหน่อยช่วงปี 1994 กลายเป็นว่าเพื่อนๆ ในห้องเรียนเราเป็นแฟนลิเวอร์พูลกันหมด มาพูดกรอกหูเกี่ยวกับลิเวอร์พูลให้ฟังตลอด เลยอยากรู้ว่าทีมนี้เก่งขนาดไหน พอไปดูฟอร์มแล้วมันยังไม่โดนใจ ไม่ดึงดูดให้เชียร์ ประจวบกับช่วงนั้นนึกอยากจะมีทีมสโมสรในอังกฤษเป็นทีมเชียร์ประจำของเราบ้าง ที่เล็งๆไว้ทีมแรกคือเชลซี!!! ยังไม่ทันหลวมตัวหลวมใจให้ ก็มาพบรักกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซะก่อน จากไฮไลต์รวมผลงานยุคทศวรรษ 80 ทางรายการเจาะสนาม ประทับใจ สตีฟ คอปเปลล์ เป็นชื่อนักเตะแมนฯยูฯชื่อแรกที่ติดหูเลย แต่ช่วงนั้นก็ไม่ได้จริงจังอะไร จนมาประกาศตัวเป็นเรด อาร์มี่อย่างเป็นทางการเมื่อปี 1997 ถึงตอนนี้ก็รักกันมา 16 ปีแล้ว
ที่มาของชื่อเบคแก้ว
ลงแข่งฟุตบอลแข่งกีฬาสีตอนม.ปลาย แล้วยิงฟรีคิกเข้า ปั่นแบบเบคแฮมเลย แบบว่าแอบไปซ้อมเองบ่อยมาก ท่าปั่นโค้งแบบนั้น ทีนี้เพื่อนๆก็เลยแซวกันว่า โห "เบคแก้ว" ปั่นฟรีคิกเข้าประตูด้วย พอเราได้ยินก็รู้สึกว่า เฮ้ย ชื่อนี้เจ๋งหว่ะ บวกกับเบคแฮมก็เป็นไอดอลของเราอยู่แล้ว เลยเอามาเป็นฉายาของตัวเองซะเลย แล้วพอดีตอนนั้นเพื่อนในห้องเดียวกันมีอีกคนชื่อแก้วเหมือนกัน เล่นฟุตบอลทีมเดียวกันด้วย เวลาคนพูดถึงว่าแก้วไหน ก็เข้าใจได้ง่าย ว่า "เบคแก้ว"
ชอบที่สุดคือเดวิด เบคแฮม
ถ้าเป็นนักเตะแมนฯยูฯคนแรกที่ชื่นชอบ แน่นอนต้องเป็น เดวิด เบคแฮม ทั้งๆ ที่ตอนแรกหมั่นไส้เขามากนะ เพราะเป็นดาวรุ่งที่ดังมากๆ หน้าตาดี สื่อให้ความสนใจเป็นพิเศษ สาวๆ คลั่งไคล้เยอะ เลยกลายเป็นมีอคติกับเขา จากที่เกลียดกลายมาเป็นรักก็เพราะเหตุการณ์ใบแดงในฟุตบอลโลก ฟรองซ์ 98 นี่แหละ คือเบคแฮมโดนประนามหนักมาก โดนโจมตีจากแฟนบอลอังกฤษที่เชียร์ทีมสโมสรอื่น กลายเป็นคนเกลียดเขาเยอะ ไปแข่งที่ไหนก็โดนโห่ เราเลยสงสาร อีกทั้งเห็นความมุ่งมั่นของเขา พยายามปรับปรุงตัวเรื่องการควบคุมอารมณ์ และพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานในสนาม ชนะใจเลยค่ะ หลงรักเลยล่ะทีนี้
นักเตะปัจจุบันของทีมชอบใครเป็นพิเศษ
นักเตะที่ชื่นชอบในปัจจุบัน คือ เวย์น รูนี่ย์ ด้วยความที่เราสนใจนักเตะดาวรุ่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะนักเตะอังกฤษ ก็ประทับใจเขาตั้งแต่ยังเล่นให้เอฟเวอร์ตัน ตอนนั้นอายุ 15-16 เอง ได้รับการพูดถึงว่าเป็นเด็กที่เก่งมาก พอได้เห็นสไตล์การเล่นยิ่งโดนใจ คือเราชอบนักเตะที่เล่นแบบทุ่มเท มีลูกดุดัน อยากได้มาอยู่แมนฯยูฯตั้งนานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้มาจริงๆ ทำให้ชอบมากขึ้นไปอีก จังหวะพอดีกับที่เบคแฮมย้ายออกไปจากทีม ได้รูนี่ย์มาทดแทนตำแหน่งนักเตะคนโปรด เมือก่อนเราจะสกรีนเบอร์เสื้อเบอร์ 7ของเบคแฮมตลอด พอรูนี่ย์ย้ายมาก็เปลี่ยนมาเป็นเบอร์ของรูนี่ย์แทน ปัจจุบันก็เบอร์ 10
แมตช์ในความทรงจำ
แน่นอนว่าต้องเป็นแมตช์นัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1999 กับบาเยิร์น มิวนิค ที่คัมป์นู ตอนนั้นช่อง 11 ถ่ายทอดสด ตั้งปลุกไว้แล้วตื่นมาดู แต่ดันตื่นช้าไปตื่นมาก็ผ่านช่วง 10 นาทีแรกไปแล้ว แมนฯยูฯตามหลัง 1 - 0 จากฟรีคิกของ มาริโอ บาสเลอร์ อารมณ์ตอนนั้นหงุดหงิดตัวเองมากๆ ยิ่งดูไปก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะเกมเป็นรองเนื่องจากขาดตัวหลักหัวใจสำคัญของทีมไปถึง 2 คน รอย คีน และ พอล สโคลส์ โดนแบน ผ่านไปจนถึงครึ่งหลังยังยิงประตูไม่ได้สักที ทีนี้นั่งไม่ติดแล้ว เดินไปเดินมา แอบลุ้นว่าจะมีปาฏิหารย์มั้ย เพราะก่อนหน้านี้เกิดขึ้นกับทีมบ่อยมาก พอน้าหมีเท็ดดี้ตีเสมอให้ทีมได้เท่านั้นล่ะ กรี๊ดลั่นบ้านเลย แม่นอนหลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นมาบ่นว่าให้เบาๆ เสียงหน่อย ฮ่าๆ แค่นี้ยังบ้าไม่พอ โอเล่มายิงประตูชัยใน 2 นาทีถัดมานั่นเลย ทีนี้บ้าคลั่งไปแล้ว กรี๊ดไม่ออก น้ำตาไหลร้องไห้โฮเลย ขนลุก ทีมที่เราเชียร์ทำได้ ปาฏิหารย์มีจริง ไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้เพราะฟุตบอลมาก่อน แมตช์นี้คือแมตช์แรก พอเช้ารุ่งขึ้นไปโรงเรียนก็เมาท์กับเพื่อนไม่หยุดตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านจนกลับถึงบ้านเลย เป็นวันที่มีความสุขสุดๆ จำได้ไม่มีวันลืม
สถานที่เชียร์ประจำ
ปกติจะดูที่บ้าน แต่ถ้าเป็นนอกสถานที่ที่ไปบ่อยๆ จนเป็นขาประจำคงเป็น ร้าน Champions Bar สุขุมวิท 11 ร้านแมนฯยูฯ บาร์เดิมนั่นเอง เวลาไปคือจะไปเป็นกลุ่มแฟนคลับ หมายถึงแฟนคลับของทีมนะ เป็นกลุ่มกองเชียร์ฮาร์ดคอร์ เพราะบรรยากาศในการเชียร์นี่บ้าคลั่งกันซะ ส่งเสียงดังกันตลอด 90 นาที ทั้งเชียร์ทั้งด่า ร้องเพลง ปรบมือ กระโดดโลดเต้น แบบอินกันสุดๆ ยืนเชียร์ยังกับอยู่บนอัฒจันทร์สเตรทฟอร์ด เอนด์ เลยแหละ ใครสนใจอยากมาร่วมแจมเราก็ยินดีต้อนรับนะคะ ไม่ต้องกลัวที่จะมาคนเดียว กลัวไม่มีเพื่อน คือคนอื่นที่เขาเห็นกลุ่มเราเขาจะคิดว่ารู้จักกันมาก่อน จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะกลุ่มที่มากันประจำก็มารู้จักสนิทสนมกันที่นี่ ส่วนใหญ่ครั้งแรกก็ต่างคนต่างมา ชวนกันมาจากเวบบอร์ดเรด อาร์มี่ จากเฟซบุค ทวิตเตอร์ คือเราไม่ได้ยึดติดกับกลุ่มคนนะ แบบว่าโอเพ่นหมด แค่เป็นคอเดียวกัน ส่วนใหญ่ก็มาคนเดียว มาทำความรู้จักกัน พูดคุยสังสรรค์ จนกลายเป็นแกงค์ขาประจำของร้านไปแล้ว และต้องขอบคุณคุณต้อย ผจก.การตลาดร้าน Champions Bar และคุณแจ็คกี้ เจ้าของร้าน รวมทั้งพนักงานทุกคน ที่ต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดีทุกครั้ง รวมทั้งมิตรภาพที่ดีด้วยค่ะ
เคยเข้าร่วมแข่งรายการแฟนพันธุ์แท้ พรีเมียร์ลีก และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยเล่าให้ฟังหน่อย
จุดเริ่มต้นคือความบังเอิญ เพราะตอนแรกที่มีรายการแฟนพันธุ์แท้ ปี พ.ศ.2543 เราดูแล้วอึ้งเลย คนที่ไปแข่งแต่ละคนนี่เขาสุดยอดจริงๆ ตอนที่ บ.บู๋ ได้แชมป์แฟนพันธุ์แท้แมนฯยูฯเราก็ยังดูด้วยความทึ่ง เทปนั้นพี่หนุ่มประธานชมรมเรด อาร์มี่ แฟนคลับ ก็ไปแข่งขันด้วย และก็เป็นเพราะพี่หนุ่มนี่แหละที่โทรมาชวนไปทดสอบ แฟนพันธุ์แท้ตอน พรีเมียร์ลีก ปี พ.ศ.2544 เพราะทีมงานอยากได้ผู้ร่วมแข่งขันที่เป็นผู้หญิงด้วย แต่ยังหาไม่ได้ พี่หนุ่มถามว่าเราสนใจมั้ย ในตอนนั้นคิดเลยว่า "โคตรยาก" เพราะมันทั้งลีกเลยนะ ตั้ง 20 ทีม แต่ก็ตอบไปว่าโอเคจะไปลองดู คิดแค่ว่าไม่มีอะไรต้องเสีย ไปลองดูสนุกๆ แถมตอนนั้นความรู้เรื่องฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของเด็กผู้หญิงอายุ 17 ปี อย่างเรายังแค่หางอึ่ง ก็เตรียมตัวไปก่อน หาข้อมูล ท่องๆ ไป ไปสัมภาษณ์กับทีมงานตอบผิดๆ ถูกๆ ตื่นเต้นมาก แต่สุดท้ายพี่ทีมงานบอกว่าเลือกเรา ดีใจมาก ไม่ได้กังวลอะไรเลย เพราะไปแบบเราไปตกรอบแน่ ขอแค่ไม่ตกรอบแรกก็พอ แต่พอแข่งจริงดันพลิกล็อค ชนะเฉยเลย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ตัวเต็งด้วยซ้ำ ต้องบอกว่าบังเอิญอีกนั่นแหละที่ได้คำถามที่เราตอบได้ ถึงจะไปพลาดคำถามสุดท้าย แต่ก็นะ ได้แชมป์สุดยอดแฟนพันธุ์แท้พรีเมียร์ลีกมาแล้วนี่ ถึงจะได้แบบฟลุ๊คๆ ก็เหอะ ฮ่าๆ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นก็ว่าได้ที่ทำให้เราสนใจศึกษาข้อมูลพวกสถิติต่างๆ อย่างจริงจังมากขึ้น จนได้ไปแข่งอีกครั้ง ในเทป พรีเมียร์ลีก 2 เมื่อปี พ.ศ.2546 ในฐานะแชมป์เก่า คราวนี้เตรียมตัวไปแน่นมาก มั่นใจสุดๆ แต่ก็ไม่ชนะ ได้แค่รองแชมป์ เพราะไปเจอคำถามที่เราตอบไม่ได้
ส่วนแฟนพันธุ์แท้แมนฯยูฯ เทปปี พ.ศ.2550 นี่คือตั้งใจสมัครไปเองเลย เพราะเป็นทีมที่เราชอบ เลยอยากจะมีส่วนร่วมในรายการกับเขาบ้าง ก่อนแข่งก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้มาก เพราะแค่เห็นชื่อผู้เข้าแข่งขันก็หนาวแล้ว ระดับแฟนตัวยงทั้งนั้นเลย ทั้ง พี่สุธน ปีศาจพันปี กับ พี่เกี๊ยง นันทขว้าง ทั้งคู่เชียร์ทีมมา 30 กว่าปี ระดับเราเป็นเด็กอนุบาลไปเลย สุดท้ายพี่ทั้งสองคนก็ชนะได้แชมป์ร่วมกันไป จากเราที่ตกรอบไปก่อนตอนเหลือ 3 คน ก็หมายความว่าเราเป็นรองแชมป์นะสิ ฮ่าๆ แค่นี้ก็ภูมิใจแล้ว
เลยได้โอกาสเข้าไปทำรายการ The Red Room กับ LIVE TV
ได้มีโอกาสเข้ามาทำรายการ The Red Room ทาง LIVE TV เป็นรายการสปอร์ตวาไรตี้ ซิทคอม สำหรับทีมปีศาจแดงโดยเฉพาะ มีพิธีกร 4 คน เบคแก้ว, VJ ซาตาน, ป๊อป และ พาย ซึ่ง 2 คนหลังเป็นนักพากย์อยู่ทางช่อง MUTV ตอนนั้นลิขสิทธิ์เป็นของ LIVE TV ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี เพราะตัวเราไม่ได้อยู่ในสายงานสื่อ อีกทั้งยังมีงานประจำทำอยู่แล้ว โอกาสที่จะได้มาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ต้องขอบคุณ ป๊อป ที่เป็นผู้ชักชวนให้มาทำรายการด้วยกัน ทำให้ได้รู้จักเพื่อนๆ ที่น่ารักทั้ง 3 คน และทีมงานที่น่ารักเป็นกันเอง ช่วงเทปแรกอยากบอกว่าตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นรายการสด แก้ไขอะไรไม่ได้ พูดผิดๆ ถูกๆ เสียงก็เบา แต่ด้วยรูปแบบของรายการที่สบายๆ เหมือนมานั่งคุยกันเอง แล้วอาจมีสมมุติเหตุการณ์มาให้เป็นประเด็นน่าติดตาม บางทีก็มีของกินมากินกันกลางรายการเลย ทำให้เริ่มปรับตัวได้หายเกร็ง และลื่นไหลมากขึ้น น่าเสียดายที่รายการต้องเลิกไปแบบไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจล่วงหน้า ด้วยปัญหาของทางสถานี พอไม่ได้ทำรายการแล้วก็แอบใจหายนะ เพราะตอนนั้นเริ่มชินแล้ว เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันเสาร์ที่เราต้องทำ จนถึงตอนนี้ก็ยังคงคิดถึงบรรยากาศในรายการ The Red Room มากๆ เลย
ตอนนี้เขียนคอลัมน์ให้กับ Inside United Thai Edition
การเป็นนักเขียนคือหนึ่งในความฝันในวัยเด็ก เพราะเราอยู่ในครอบครัวนักกลอน สมัยเป็นนักเรียนมีไปประกวดแข่งขันอยู่บ่อยๆ ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง แต่พอโตมาด้วยสายงานของเราต้องทำงานในโรงงาน เวลาว่างแทบไม่มี ความคิดที่ว่านั้นก็เลือนหายไป จนกระทั่งวันนึง ก็มีทีมงานติดต่อมา ว่าสนใจจะเขียนคอลัมน์ลงในนิตยสาร Inside United Thai Edition มั้ย เมื่อโอกาสวิ่งเข้ามาหาเองแบบนี้ เราก็ตอบรับอย่างไม่ลังเล ฉบับแรกที่ได้เขียนนี่ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่รู้ทีมงานต้องการจะทดสอบเราหรือเปล่า เพราะโทรมาบอกตอน 1 ทุ่ม ว่าให้ลองเขียนส่งมาให้ดูก่อนภายในวันนี้เนื้อหาประมาณนี้ วันนั้นกว่าจะกลับถึงบ้านก็ 3 ทุ่มกว่าแล้ว เริ่มเขียน 4 ทุ่ม เสร็จเที่ยงคืนพอดี ก็ส่งเลย ปรากฏว่าทีมงานโอเค จึงได้เขียนคอลัมน์ของตัวเองมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ใกล้ครบ 2 ปีแล้วค่ะ งานเขียนก็เหมือนเป็นงานศิลปะที่เราถ่ายทอดออกไปให้ผู้อ่านได้เห็น ในคอลัมน์ Beckkaew เป็นการนำเสนอเกร็ดความรู้ และมุมมองต่างๆ ของตัวเบคแก้วเองที่มีต่อทีมรัก ภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้ของตัวเองมากค่ะ
ของสะสมเกี่ยวกับทีม
อาจจะแปลกกว่าคนอื่นหน่อยตรงที่ชอบของที่เป็นเอกลักษณ์แบบมีชิ้นเดียว หรือมีที่มาที่ไปที่เกี่ยวกับตัวเราด้วย คือเรามองว่าของพวกนี้มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าจะเป็นของที่มีมูลค่ามาก อย่างเสื้อแข่งที่สกรีนชื่อตัวเอง BECKKAEW มีทุกซีซั่นตั้งแต่ปี 2003 ตุ๊กตาหมีใส่เสื้อทีม และก็พวกรูปถ่ายของนักเตะที่ถ่ายกับเรา ลายเซ็นของนักเตะทั้งอดีตและปัจจุบันที่ขอมาได้ด้วยตัวเอง ส่วนของปกติทั่วๆ ไปก็พวกหนังสือที่เกี่ยวกับสโมสร แมกกาซีน ตุ๊กตาโมเดลนักเตะ
พูดถึงเรด อาร์มี่ แฟนคลับ
เป็นสังคมที่อบอุ่นค่ะ ได้รู้จัก เรด อาร์มี่ แฟนคลับ ครั้งแรกเมื่อปี 2000 โน่นเลย สมัยนั้นมีร้านของชมรมอยู่ที่ฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต เราเพิ่งเข้ามาเรียนที่ มศว. องครักษ์ ต้องมาอยู่หอพัก แล้วห้างนี้ก็เป็นจุดที่จะต้องมาต่อรถเพื่อเข้าไปมหาวิทยาลัย จึงกลายเป็นที่ประจำที่เรามักมาสิงสถิตย์ ได้รู้จักกับพี่หนุ่มประธานชมรม ส่วนคนดูแลร้านคือพี่บอยรองประธานชมรม มีกิจกรรมอะไรก็จะไปช่วยตลอด แต่เมื่อก่อนช่องทางการติดต่อจะไม่แพร่หลายเหมือนยุค Social Network อย่างตอนนี้ เวบไซต์ชมรมก็ยังไม่มี จนปอได้มาเป็นเวบมาสเตอร์ให้เรด อาร์มี่ แฟนคลับ ก็เป็นอะไรที่บังเอิญและไม่น่าเชื่อเพราะว่าเราเคยคุยกันผ่านโปรแกรมแชทยุคแรกเริ่ม Pirch 98 โลกกลมจริงๆ เคสเดียวกับพี่ต้นตาลหนึ่งในสมาชิกรุ่นบุกเบิกชมรม ที่เคยคุยกันมาก่อนใน Pirch 98 ห้อง #ผีแดง
พอมีเวบไซต์กลุ่มคนที่เข้ามาก็หลากหลายขึ้น มีกิจกรรมไปเชียร์ทีมด้วยกัน มีปาร์ตี้สังสรรค์ มีทีมฟุตบอล มีเวบบอร์ด มีช่วงหนึ่งที่ติดเวบบอร์ดมากๆ เข้าไปตอบกระทู้ทังวันเหมือนกับเป็น Bot ฮ่าๆ ช่วงเวลาที่ผ่านมาสิบกว่าปีได้รู้จักผู้คนมากมาย ได้เพื่อนดีๆ จากสังคม เรด อาร์มี่ แฟนคลับ ได้รวมแกงค์พวกบ้าบอลคอเดียวกัน ได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย และมีเหตุการณ์หลายอย่างทั้งที่ดี และไม่ดีในโลกออนไลน์ และโลกความจริง เป็นบทเรียนสอนเราให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ อะไรที่ผิดพลาดก็เอามาแก้ไข ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่ามาก เพราะสิ่งเหล่านี้หาไม่ได้แค่จากการเรียน และการทำงาน
ฝากติดตามผลงาน
ฝากคอลัมน์ Beckkaew ใน Inside United Thai Edition ด้วยค่ะ มีคอมเมนต์หรือข้อเสนอแนะอะไรก็ติชมกันได้ ยินดีรับฟังและพร้อมปรับปรุงแก้ไข ส่วนใครที่อยากจะมาเชียร์ทีมรักแบบฮาร์ดคอร์ด้วยกันก็เชิญได้เลยค่ะ ยินดีต้อนรับทุกคน