หลุยส์ ฟาน กัล ได้พบกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ...

การเข้ามาทำหน้าที่เป็นกุนซือยูไนเต็ด และได้รับการต้อนรับโดย เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ...
ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เพราะมันเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ก้าวลงสู่สนามโดยมี เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน มาคอยแนะนำอะไรต่างๆ มันเป็นก้าวแรก... โอเคว่าก้าวแรกของผมจริงๆ คงเป็นบาเยิร์นกับบาร์เซโลน่า แต่การมาเป็นเทรนเนอร์/โค้ชให้กับยูไนเต็ดนั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวแรกของผม และผมก็ภูมิใจมากที่ได้ทำสิ่งนั้นพร้อมกับ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ผมอายุมากพอที่จะทันเห็นเขาลงเล่น ผมรู้ว่าเขามีความหมายขนาดไหนกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และวงการฟุตบอลอังกฤษ มันจึงเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ทำสิ่งนั้นกับเขา

การนำทีมปีศาจแดงกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง...
ผมจะทำให้ดีที่สุด นั่นแหละคือสิ่งที่ผมให้ได้ ผมคงไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้มากกว่านี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณเองก็ไม่รู้หรอก นี่เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเวลาแค่ 2 วันผมก็ได้รู้แล้วว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความสำคัญขนาดไหน ผมจะต้องตั้งใจทำงาน ต้องเตรียมทีม และต้องปรับตัวเข้ากับสโมสรใหญ่แห่งนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าผมจะทำอย่างเต็มที่ เมื่อคุณมองไปยังประวัติของผม คุณจะเห็นว่าผมคว้าแชมป์อะไรมาบ้าง ทั้งหมดนี้แหละคือสิ่งที่ผมสามารถบอกได้ แล้วอนาคตก็จะได้เห็นกันเองว่าผมจะทำแบบนั้นได้อีกครั้งไหม

แสดงว่าคุณเชื่อว่ายูไนเต็ดเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก?
มันยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะว่ามันเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในวงการกีฬา คุณคงไม่สามารถเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ตลอด เพราะทุกๆ ฤดูกาลคุณจะต้องพิสูจน์ตัวเอง ฤดูกาลก่อนคุณจบอันดับที่ 7 ดังนั้นก็อาจกล่าวได้ว่าคุณไม่ใช่สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วย ตอนที่ผมไปที่จีนหรือบราซิล ผมเห็นแต่ผู้คนพากันพูดถึงยูไนเต็ด นั่นแหละคือความแตกต่าง มันเต็มไปด้วยความคาดหวังที่สูง แต่มันก็จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ด้วย นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ผมเลือกสโมสรแห่งนี้ ผมเคยทำงานกับบาร์เซโลน่า ซึ่งในความเห็นของผม พวกเขาคือหมายเลขหนึ่งของสเปน ผมเคยเป็นโค้ชให้อาแจ็กซ์ ทีมอันดับหนึ่งในฮอลแลนด์ และผมก็ยังเคยเป็นโค้ชให้บาเยิร์น มิวนิค หมายเลขหนึ่งของเยอรมัน ตอนนี้ผมอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หมายเลขหนึ่งของอังกฤษ ผมหวังว่าผมจะทำงานได้ตามความคาดหวังนั้น แต่มันคงจะเป็นเรื่องยากพอสมควรเลยทีเดียว

สไตล์การทำทีมของคุณเป็นยังไง?
วิธีการของผมยังเป็นเหมือนเดิม ผมต้องมองไปที่กลุ่มผู้เล่นในปัจจุบันก่อน แน่นอน ผมรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขามีวิธีการเล่นยังไง แต่ผมยังไม่รู้ว่าถ้าเขามาอยู่ภายใต้การฝึกซ้อมกับผมในช่วง 3-4 สัปดาห์แรกจะเป็นยังไงกัน ผมอยากจะเห็นว่าพวกเขาทำอะไรได้บ้าง จากนั้นบางทีผมก็อาจจะซื้อตัวนักเตะเข้ามา สำหรับตัวที่เราซื้อเขามาแล้วอย่างชอว์ และเอร์เรร่า ทั้งคู่ต่างก็อยู่ในลิสต์ก่อนแล้ว ผมตอบตกลงเรื่องนี้เพราะว่าผมชอบทั้งคู่ ก่อนอื่นผมอยากจะเห็นว่านักเตะแต่ละคนทำผลงานกันเป็นยังไงบ้างภายใต้ปรัชญาการทำทีมของผม

ความคาดหวังจากแฟนๆ...
เจ้าของทีม และซีอีโอมีความเชื่อมั่นในตัวผม พวกเขามาหาผม และผมก็ได้อธิบายถึงปรัชญาการทำทีมไป และพวกเขาก็ตื่นเต้นมาก นั่นแหละคือเหตุผลที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ เราต้องรอคอย และมาดูกันว่าผมจะเติมเต็มความคาดหวังจากแฟนๆ เหล่านั้นได้หรือไม่ แฟนๆ ทุกคนมีส่วนสำคัญอย่างมาก ผมรู้ดี แต่ในวงการฟุตบอลแล้วคุณไม่สามารถคาดเดาอะไรได้หรอก ไม่มีใครรู้ว่าทีมดัตช์ของผมจะทำผลงานได้ดีขนาดนั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเยอรมันจะถล่มบราซิลถึง 7-1 คุณเองก็รู้เรื่องนี้... แล้วคุณจะถามมาทำไมกัน?

ใครจะเป็นกัปตันทีมคนใหม่?
นักเตะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ผมคงต้องใช้เวลาทำความรู้จักกับพวกเขาก่อน คงต้องราวๆ สัก 4, 5 หรือ 6 สัปดาห์ หรือบางทีอาจกินเวลาเป็น 2 เดือนเลยก็ได้ สำหรับผมแล้ว บทบาทกัปตันทีมนั้นมีความสำคัญมาก นั่นแหละที่ทำให้ผมต้องใช้เวลา บางทีผมก็ต้องตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วน แต่การทำอะไรแบบนั้นก็ไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป ผมจะต้องใช้เวลา ผมคิดว่ากัปตันนั้นมีความสำคัญมาก

ปรัชญาการทำทีมของคุณจะส่งผลทอดยาวไปถึงทีมชุดเยาวชนไหม?
เจ้าของทีม และซีอีโอคือ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ได้มาคุยกับผมเรื่องนี้แล้ว แต่งานหลักๆ ของผมก็คือทีมชุดใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ต้องทำให้ดีในช่วงระยะสั้น ส่วนทีมเยาวชนก็จะเป็นแผนงานระยะยาว ตอนนี้ผมต้องการถ่ายทอดปรัชญาการทำทีมของผมลงไปก่อน คุณจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการทำสิ่งนั้น ไม่ใช่แค่คุณคนเดียว แต่ต้องรวมถึงซีอีโอ และเจ้าของทีมด้วย

อนาคตของคลาส ออฟ '92...
นิคกี้ บัตต์ เข้ามาเป็นผู้ช่วยให้กับเราแล้ว ส่วน พอล สโคลส์ เราจะมองหาบทบาทที่เหมาะสมสำหรับเขา เช่นเดียวกับ ฟิล เนวิลล์ นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องการ มันก็มีความเป็นไปได้ เราจะต้องพูดคุยแบบส่วนตัวกับพวกเขา แล้วเดี๋ยวเราก็จะต้องมารอดูกัน

ทำไมคุณถึงไม่พักผ่อนก่อนมาที่นี่?
นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณได้รับอนุญาต! อันที่จริงมันคงจะดีกว่าถ้าผมเลือกที่จะพักผ่อน แต่ผมก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป เมื่อผมถูกเลือกเข้ามาโดยสโมสรจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ เมื่อคุณมีความท้าทายแบบนี้เข้ามา คุณจะไม่สามารถปล่อยมันหลุดมือไปได้เลย

บุคลิกส่วนตัวของคุณเป็นยังไง?
ผมมีความเสมอภาค มีความเข้าใจคน ผมเป็นคนเข้มแข็งด้วย แต่ผมคิดว่าเรื่องอื่นๆ นั้นสำคัญกว่า นั่นแหละคือปัจจัยหลักสำหรับผม

นี่จะเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จไหม?
ผมเองก็ไม่รู้ ก็อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละ ผมต้องมาดูก่อนว่านักเตะจะเล่นได้ตามปรัชญาการทำทีมของผมไหม และพวกเขาจะมีความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน จากนั้นเดี๋ยวผมค่อยมาให้คำตอบ ตอนนี้ผมยังไม่ได้ร่วมงานกับพวกเขาตั้งหลายคน ดังนั้นเราจึงต้องมารอดูกันก่อน มันเป็นเรื่องสำคัญนะที่นักเตะกับผู้จัดการทีมจะต้องคลิกเข้ากันให้ได้

จากนักเตะชุดนี้คุณตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่อันดับ 4 เป็นอย่างน้อยหรือเปล่า?
สำหรับผม ความท้าทายก็คือการเป็นอันดับแรก ไม่ใช่อันดับ 4 แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่านักเตะกับผู้จัดการทีมจะคลิกเข้ากันได้มากแค่ไหน

การมาอยู่ในอังกฤษ...
ผมไม่เคยทำงานในพรีเมียร์ ลีก มาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่ผมยินดีรับไว้ ผมเคยทำงานที่สเปน และเยอรมันมาก่อน และตอนที่ผมอยู่ที่บาร์เซโลน่าผมก็คิดว่าลีกสเปนเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก ตอนที่ผมอยู่ที่เยอรมัน ตอนนั้นพวกเขาก็มีลีกที่ดีที่สุดในโลก และบางทีตอนที่ผมทำงานที่นี่ พรีเมียร์ ลีก ก็อาจจะเป็นลีกที่ดีที่สุดก็ได้!

คุณเป็นคนเผด็จการไหม?
พวกสื่อชอบนำหนึ่งในบุคลิกนั้นของผม (ความเผด็จการ) มาแสดง แต่อันที่จริงมันเป็นส่วนที่เล็กน้อยมากในตัวผม แต่เมื่อคุณแสดงมันออกมา ผู้คนก็จะพากันมองไปในแนวนั้น ผมเองก็ยังเป็นคนเดิม ตอนที่ผมอายุ 39 ปี ตอนเริ่มงานกับอาแจ็กซ์ ผมค้าแข้งจนถึงอายุ 37 บุคลิกของผมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มันเป็นเหมือนเดิม แต่ความเผด็จการกับการเป็นคนแข็งกร้าวนั้นมันไม่เหมือนกันนะ ผู้คนชอบมองว่ามันเหมือนกัน ผมเป็นคนแบบนั้น ทุกๆ ปีที่ผมทำงาน ผมจะเน้นย้ำถึงปรัชญาการทำทีมของผม เซอร์ อเล็กซ์ เองก็เป็นคนที่มีปรัชญาการทำทีมเช่นกัน และมันก็ถูกแสดงให้เห็นอยู่บ่อยๆ เพราะเขาคว้าแชมป์ได้มากมาย ผมหวังว่าผมจะสามารถทำแบบนั้นได้บ้าง

คุณได้คุยกับ เซอร์ อเล็กซ์ แล้วหรือยัง?
เซอร์ อเล็กซ์ โทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับผม และเราก็กำลังมองหาโอกาสไปนั่งดื่มกาแฟหรือหาอะไรทานแล้วนั่งคุยกันอยู่ เรามักจะได้รับเชิญให้ไปร่วมงานของยูฟ่าอยู่บ่อยๆ และเราก็ดื่มไวน์กัน เราต่างรู้จักกัน และกันเป็นอย่างดี ผมจะหาโอกาสไปนั่งดื่มกาแฟ และไวน์กับเขา บางทีอาจเป็นไวน์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจินตนาการถึงก็ได้นะ

ความรู้สึกเป็นยังไงบ้างที่ได้มาเป็นผู้จัดการทีมยูไนเต็ด?
มันยากที่จะอธิบาย ผมเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ 2 วัน ได้เจอกับผู้คนมากมาย และเมื่อคุณได้เห็นว่าผู้คนเหล่านี้รักสโมสรแค่ไหน คุณก็จะยิ่งเห็นมันเป็นครอบครัวใหญ่ และพวกเขาก็คาดหวังในตัวผมมาก พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นที่ได้เจอผม ผมจะเติมเต็มความคาดหวังนั้นได้ไหม? ผมหวังว่าจะทำได้นะ แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ของสโมสรแห่งนี้มันก็เท่ากับว่ายิ่งเป็นงานยากกว่าสโมสรอื่นๆ นั่นแหละคือความท้าทายครั้งใหญ่ของผม

นักเตะมากประสบการณ์อย่าง เวย์น รูนี่ย์ จะมีความสำคัญขนาดไหน?
คุณน่าจะรู้ดีว่าผมเองไม่ใช่คนที่ยึดติดกับเรื่องประสบการณ์ของนักเตะสักเท่าไหร่ ผมพูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว เด็กอย่าง คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ซึ่งตอนนั้นอายุแค่ 16 ปี... ผมก็ให้โอกาสเขาประเดิมสนามกับอาแจ็กซ์มาแล้ว ด้วยอายุ 16 ปี บางทีเขาอาจมีประสบการณ์มากกว่านักเตะอายุ 30 ปีด้วยซ้ำ มันขึ้นอยู่กับตัวเขาเองมากกว่า ไมเคิล คาร์ริค เพิ่งเจ็บไปเมื่อวันก่อน และผมก็เสียดายเหมือนกันเพราะว่าเขาเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์ มันเป็นเรื่องสำคัญที่เรามีนักเตะมากประสบการณ์มากมาย แต่มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่เรื่องของอายุ และประสบการณ์ด้านฟุตบอลเท่านั้น มันรวมถึงประสบการณ์ในแง่ของความเป็นมนุษย์ด้วย ปรัชญาของผมนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของนักเตะอย่างเดียว แต่รวมถึงเรื่องทั้งหมดด้วย

SiR KeaNo

บทสัมภาษณ์