บิคตอร์ บัลเดส ได้มานั่งพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตในฐานะนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่คว้าแชมป์ได้มากที่สุดก่อนย้ายมาอยู่กับสโมสร ที่สำคัญคือเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว แม้เขาจะบอกว่าทั้ง ฮวน มาต้า และ อันเดร์ เอร์เรร่า มีส่วนช่วยเขาในเรื่องนี้อยู่บ้างก็ตาม
ขณะที่เรากำลังพูดคุยถึงการใช้ชีวิตในเมือง มันก็มีหิมะร่วงหล่นมายังสนามซ้อมเอออน เทรนนิ่ง คอมเพล็กซ์ ท่ามกลางวันสบายๆ กลางเดือนมีนาคม "ผมชื่นชอบอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ มันไม่ค่อยแตกต่างอะไรกับที่สเปนหรอก" เขาหัวเราะ นั่นทำให้เราสงสัยว่าควรเชื่อที่เขาพูดดีหรือเปล่า "จริงๆ นะ ผมมีความสุขดี มันไม่ได้แปลกอะไรสำหรับครอบครัวของผม ผมมีลูกๆ 3 คน และคนโตสุดก็กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่บาร์เซโลน่า ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกเขา"
"ผมพอใจกับสภาพเข่าของผมมากในตอนนี้ ผมมีความสุขในการฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมหลังจากหายเจ็บเลย"
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2014 บัลเดสได้รับบาดเจ็บครั้งใหญ่ในการป้องกันลูกฟรีคิกในแมตช์กับเซลต้า บีโก้ นั่นส่งผลถึงการหลุดทีมชาติไปเตะฟุตบอลโลก 2014 ด้วย และแม้ว่าจะไม่ได้ต่อสัญญากับบาร์เซโลน่า แต่มันก็เป็นสิ่งที่ตัวบัลเดสเองได้ตัดสินใจไปก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะย้ายออกจากสโมสร หลังจากที่ลงเล่นไป 535 เกม พร้อมทั้งประสบความสำเร็จมากมายในถิ่นคัมป์ นู แต่เขาก็ไม่ได้คิดเอาไว้ว่าสถานีต่อไปสำหรับเขานั้นจะเป็นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งเคยเป็นโค้ชของเขาในทีมแห่งกาตาลันมาก่อน รวมถึงโค้ชผู้รักษาประตู ฟรานส์ โฮก ต่างก็ยกย่องให้เขาเป็นคนพิเศษ ทั้งคู่มอบโอกาสให้บัลเดสได้เซ็นสัญญากับทีมเมื่อเดือนมกราคม หลังจากการฝึกซ้อมเพื่อเรียกความฟิตกับสโมสรเป็นไปด้วยดี
"ผมมีความสุขกับทางเลือกนี้มากหลังจากอาการบาดเจ็บ" เขาอธิบาย "ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้มาเป็นนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ผู้จัดการทีมก็ยื่นข้อเสนอนี้มาให้กับผม ดังนั้นมันจึงค่อนข้างน่าประหลาดใจอยู่หน่อย ผมพูดอยู่เสมอว่ามันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพค้าแข้งของผมที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้ และบางทีผมก็หวังว่าจะได้คว้าแชมป์รายการสำคัญๆ กับที่นี่ด้วยเช่นกัน"
"พวกเขาเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์มาครองได้มากมาย และจำนวนแฟนบอลทั่วโลกก็มหาศาลอย่างน่าทึ่ง ผมคิดว่ามันเป็นเหมือนกันในการเล่นให้กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ในโลก ไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหรือบาร์เซโลน่า คุณจะต้องมองถึงชัยชนะเท่านั้น นี่คือความคาดหวังในงานของเราทุกๆ วัน เพื่อพวกเรา เพื่อสโมสร และเพื่อแฟนๆ มันก็ไม่ต่างอะไรสำหรับผม"
เขาเองก็ไม่ได้ถือทิฐิอะไรนักในการยอมรับว่าต้องเข้ามาเป็นมือสองให้กับรุ่นน้องร่วมชาติอย่าง ดาบิด เด เคอา ซึ่งเขาให้คำนิยามว่าเป็นผู้รักษาประตูฝีมือดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน นั่นหมายความว่าเขายังต้องรอโอกาสในการประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ต่อไป โดยโค้ชของทีมสำรองอย่าง วาร์เรน จอยซ์ ก็ได้ออกมาชื่นชมเขาว่ามีความถ่อมตนและเป็นมืออาชีพสูงในระหว่างที่ต้องลงมาเล่นให้กับทีมชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี
"นั่นแหละคือสิ่งที่เป็นไปตอนนี้" บัลเดสให้เหตุผล "เมื่อคุณไม่ได้เล่นในทีมชุดใหญ่ที่อังกฤษ มันก็ดีกว่าถ้าคุณจะได้มาเล่นให้ทีมสำรอง มันไม่ใช่สิ่งที่เราทำกันในสเปน (ซึ่งสำหรับทีมเบนั้นจะใช้ชุดผู้เล่นที่แยกกันออกไป โดยเตะในดิวิชั่นที่ต่างกันด้วย) แต่คุณก็ต้องยอมรับมัน และมีสมาธิกับการสร้างผลงานของคุณ นั่นเป็นสิ่งที่ดีในการเรียกฟอร์มกลับคืนมา"
เกมที่ทีมชุดยู-21 เจอกับท็อตแน่มที่ผ่านมานั้นเป็นโอกาสสำหรับนักเตะวัย 33 ปีในการลงเล่นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังจากที่เคยลงเล่นในโรงละครแห่งความฝันในฐานะคู่แข่งมาแล้วเมื่อปี 2008 ในรอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้จากลูกยิงไกลสุดสวยของ พอล สโคลส์ ซึ่งจากภาพรีเพลย์ที่ถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในจังหวะนั้นก็ทำให้แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจดจำภาพการพุ่งบินปัดแต่สุดเอื้อมของเขาได้เป็นอย่างดี
"ใช่แล้ว นั่นเป็นเกมแรกหลังจากวันของสโคลส์ตอนนั้น" เขายิ้มเล็กน้อย "มันดีที่ได้ลงเล่นที่นั่นอีกครั้ง มันเป็นสนามที่สวยงาม เป็นสนามที่มีความสำคัญและมากด้วยประวัติศาสตร์ ผมคิดว่ามันเป็นความฝันสำหรับนักเตะทุกคนที่จะได้ลงเล่นในสนามแบบนี้"
การตัดสินใจย้ายจากลา ลีกา มาเตะในพรีเมียร์ ลีก อาจทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเขาคิดถูกหรือไม่เมื่อมองจากผลงานของทีมในอังกฤษในเวทียุโรประยะหลังๆ แต่บัลเดสก็เชื่อว่าเขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
"ที่นี่มันแตกต่างออกไป เพราะพรีเมียร์ ลีก จะใช้พละกำลังกันมากกว่า แต่คุณก็สามารถสนุกกับมันได้" เขาย้ำ "นักเตะจะคอยส่งประตูกันเป็นประจำ ดังนั้นมันจึงถือเป็นลีกที่ดีสำหรับผู้รักษาประตู และมันก็จะต้องเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับผมแน่ๆ"
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับมาตรฐานของสโมสรอังกฤษที่ดูดร็อปลงไปนับตั้งแต่ตอนที่เขาได้เผชิญหน้ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในนัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก เขาตอบว่า "ผมไม่คิดเช่นนั้น ทีมในอังกฤษยังคงอยู่ในระดับที่ดี และมันก็ยากที่จะต่อกรด้วยไม่ว่าจะเป็นทีมไหนๆ ก็ตาม แต่อะไรแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เช่นกัน มันเป็นรายการที่ยากจะเอาชนะ ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็น"
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้ บัลเดสจะได้ไปลุยเวทียุโรปร่วมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยประสบการณ์อันล้นเหลือและจิตใจแห่งชัยชนะของนักเตะสเปนคนที่ 6 ในทีมของฟาน กัล คนนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับสโมสรได้อย่างไม่ต้องสงสัย
