ก่อนที่จะถึงทัวร์ 2015 ที่นำเสนอโดยเอออน เราจะมาย้อนอดีตถึงเรื่องราวสุดสำคัญ และลืมไม่ลงจากประวัติศาสตร์ของทีมปีศาจแดง เราเชื่อว่าเรื่องราวจากหน้าประวัติศาสตร์อันแสนเกรียงไกรนี้เป็นเรื่องที่สุดยอดไม่แพ้ใคร ในตอนที่ 10 ของซีรี่ส์นี้ เราจะมองไปยังความสำเร็จอีกครั้งในเวทียุโรปของทีมปีศาจแดง คราวนี้เกิดขึ้นที่มอสโกว์...
หลังจากคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกจากอังกฤษที่ทำได้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ครองบัลลังก์ในประเทศในเวลาต่อมาได้อีกหลายสมัย แต่ก็ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในระดับยุโรปได้อีกเลย
แม้จะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 3 สมัยติด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (ซึ่งได้รับยศนี้จากพระราชินีหลังพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์) ก็เสริมทัพด้วยการทุบสถิติค่าตัวของสโมสรถึง 3 ครั้งในรอบปีกว่า นักเตะที่ว่านั้นก็คือ รุด ฟาน นิสเตลรอย, ฮวน เซบาสเตียน เวรอน และ ริโอ เฟอร์ดินานด์
ขณะที่ถ้วยแชมป์ลีกได้กลับสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดในฤดูกาล 2002/03 หลังจากเว้นว่างไป 1 ปีด้วยความยอดเยี่ยมของอาร์เซนอล มันก็มีอีกทีมที่ก้าวขึ้นมาช่วงชิงบัลลังก์ นั่นคือเชลซี คราวนี้ทำให้ทีมปีศาจแดงถึงกับพลาดแชมป์ลีกติดต่อกันถึง 3 ปีเลยทีเดียว ส่วนในถ้วยยุโรปก็ถือว่ายังไม่ใกล้เคียงกับความสำเร็จ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมักจะถูกเขี่ยตกรอบน็อคเอาท์อยู่เป็นประจำในแต่ละฤดูกาล
ทีมของเฟอร์กูสันยังต้องต่อสู้กันต่อไป อย่างไรก็ตามการเสริมทัพด้วยผู้เล่นพลังหนุ่มอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เวย์น รูนี่ย์ ก็เข้ามาเปลี่ยนโฉมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะที่กัปตัน รอย คีน ปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับทีมปีศาจแดง ส่วนนักเตะท้องถิ่นอย่าง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, จอห์น โอเชีย และ เวส บราวน์ ก็ถูกดันขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีม ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์ และ แกรี่ เนวิลล์ ยังเป็นนักเตะที่หลงเหลือมาจากชุดคลาส ออฟ 92 โดยในแนวรับได้ทำการเสริมทีมด้วยการคว้าตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เนมานย่า วิดิช และ ปาทริซ เอวร่า
หลังจากจบฤดูกาล 2004/05 แบบมือเปล่า ลูกทีมของเฟอร์กูสันก็คว้าแชมป์ลีก คัพ 2005/06 ถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับทีมชุดใหม่ที่สามารถคว้าถ้วยแชมป์มาครองได้สำเร็จ แต่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับการกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกได้ในฤดูกาล 2006/07 โดยเอาชนะเชลซีที่กำลังมาแรงไปได้แบบพลิกความคาดหมาย
ยิ่งไปกว่านั้น ทีมได้มีการเสริมทัพจากการคว้าตัว คาร์ลอส เตเวซ, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, อันแดร์สัน และ นานี่ เข้ามาอีกในช่วงซัมเมอร์ของปี 2007 ทำให้ฤดูกาล 2007/08 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นปีที่ลืมไม่ลง โรนัลโด้ทำผลงานได้ดีที่สุดในการค้าแข้งที่อังกฤษ เขาถล่มประตูไปถึง 42 ลูก ขณะที่ทีมปีศาจแดงก็รักษาแชมป์เอาไว้ได้ในวันสุดท้ายของพรีเมียร์ ลีก
มันเกิดขึ้นจากชัยชนะ 2-0 เหนือวีแกน แอธเลติก โดย ไรอัน กิ๊กส์ ทำประตูที่ 2 ในเกมที่เขาทาบสถิติลงสนามสูงสุดของสโมสร 758 เกม ของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ดาวเตะชาวเวลส์มาทุบสถิตินำเดี่ยวได้ในอีก 10 วันถัดมา เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดลงสนามพบกับเชลซีในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีกที่มอสโกว์
กิ๊กส์ทำประตูได้จากลูกจุดโทษในการดวลเป้าตัดสิน ก่อนที่ฟาน เดอร์ ซาร์จะมาเซฟลูกยิงของ นิโกล่าส์ อเนลก้า ทำให้ทีมปีศาจแดงชนะไป 6-5 คว้าแชมป์ยุโรปได้เป็นสมัยที่ 3 "คืนนั้นที่มอสโกว์เป็นความทรงจำที่ผมชื่นชอบที่สุด และผมก็คิดว่าไม่ว่าสโมสรจะประสบพบเจอกับอะไรอีกตลอดอาชีพค้าแข้งของผม มันก็จะยังเป็นอย่างนั้นตลอดไป" มิดฟิลด์ ไมเคิล คาร์ริค ย้อนความหลัง "มันเป็นปีที่แสนวิเศษ และเป็นค่ำคืนที่สุดยอด การคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นสิ่งที่คุณจะไม่มีวันลืมได้เลย"
มันอาจไม่ใช่เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากจะเทียบกับเรื่องราวอื่นๆ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ความทรงจำจากค่ำคืนที่มอสโกว์ก็ได้ถูกจารึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร และจะคงอยู่ไปตลอดกาล