ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ จะอายุครบ 22 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า แต่เขาลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้วมากกว่า 90 นัด เขากลายเป็นนักเตะที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอในแผงกองกลางชุดที่กำลังสร้างใหม่ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันฤดูกาลนี้เท่าที่ผ่านมาเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากฤดูกาลหนึ่ง และทีมยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในบางเรื่องอีกด้วย แต่กองกลางชาวสก็อตวัย 21 ปี ยังเห็นว่าเขายังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก...
คุณคิดว่าฤดูกาลนี้เท่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างสำหรับคุณ?
"มันเป็นไปด้วยดี ผมได้ลงเล่นมากมายหลายเกม โดยส่วนตัวแล้วนั่นเป็นเรื่องที่น่าพอใจมาก นอกจากนี้ผมยังได้ลงเล่นในหลายตำแหน่งด้วย ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางและปีกขวา"
คุณมองว่าตัวเองเป็นนักเตะตัวหลักไปแล้วในตอนนี้ หรือเป็นแค่นักเตะดาวรุ่งคนหนึ่งที่ได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่?
"ก็ผสมกันทั้งคู่นั่นแหละ เราขาดตัวผู้เล่นในแผงกองกลางไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บ และผมคิดว่ามันเกิดขึ้นในหลายเกมที่ผมได้ลงเล่น เพราะเราไม่ค่อยมีโอกาสมากนักสำหรับการวางแผนกับตัวเลือกของผู้จัดการทีม แต่ก็ยังคงมีการแข่งขันกันอยู่และผมก็ถูกเลือกให้ลงสนาม"
คุณจะลงเล่นครบ 100 นัดให้กับสโมสรแล้ว ด้วยอายุเพียง 21 ปี คุณต้องมองว่ามันเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งทีเดียว...
"มันน่าประหลาดใจตรงที่ว่าผมได้ลงเล่นหลายเกมมากในช่วงเริ่มต้นอาชีพของผม ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากตั้งแต่การลงประเดิมสนามนัดแรก [พบกับบาเซิล ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2003] คุณจะต้องเติบโตเร็วมาก มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเสียเวลาไปได้เรื่อยๆ ผมไม่คิดว่าอายุจะเป็นเรื่องสำคัญที่สโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็พูดได้ว่าผมอายุเพียง 21 ปี แต่มาตรฐานที่นี่ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความสามารถทั้งนั้น คุณไม่สามารถยิมยอมผ่อนปรนให้กับอายุของใครคนหนึ่งได้ คุณต้องดีพร้อมและเล่นได้ดีพอที่จะติดอยู่ในทีมได้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ คุณต้องลุกขึ้นต่อสู้และมีความรับผิดชอบไม่ว่าคุณจะยังมีอายุน้อยแค่ไหนก็ตาม"
คุณคิดบ้างหรือเปล่าว่าบางครั้งคนอื่นก็ลืมไปว่าคุณยังอายุน้อยอยู่?
"บางทีพวกเขาก็เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อย้อนกลับไปหาสิ่งที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกคนคาดหวังว่าคุณจะเล่นได้ดีและต้องการให้คุณทำได้ดีถึงระดับหนึ่ง โดยไม่สนใจว่าคุณจะมีอายุเท่าไร แฟนบอลคาดหวังให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่และคว้าแชมป์ให้ได้ ไม่ว่าคุณจะอายุ 21 ปีหรือ 31 ปี คุณก็ต้องทุ่มเทให้กับทีมอย่างมากพอที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ บางทีคนอื่นคงลืมไปจริงๆ ว่าผมยังอายุน้อยอยู่ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องไปกังวล"
มุมมองของคุณเกี่ยวกับตำแหน่งของคุณในระยะยาวเป็นอย่างไร? คุณมองว่าตัวเองเป็นมิดฟิลด์ตัวคุมเกมหรือเล่นในแนวรุกขึ้นไปอีก?
"ผมมักจะเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางเสมอ ตำแหน่งปีกขวาออกจะแปลกไปหน่อยสำหรับผม แม้ว่าผมได้เล่นในตำแหน่งนั้นมาหลายเกมแล้วก็ตาม ในระยะยาวแน่นอนว่าผมมองว่าตัวเองจะได้เล่นตรงกลาง แต่ผมไม่คิดว่าผมเป็นแค่มิดฟิลด์ตัวคุมเกมหรือมิดฟิลด์ตัวรุกอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมชอบที่จะทำทั้งคู่ เติมเกมขึ้นไปและถอยลงมาในสนาม และพยายามมีอิทธิพลต่อเกมเมื่อทีมกำลังขึ้นบุกและกำลังตั้งรับด้วย คุณไม่สามารถทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง การเล่นทางฝั่งขวาช่วยผมในด้านที่ว่าคุณจะต้องเสียสละเพื่อทีมและเล่นในตำแหน่งที่ผู้จัดการทีมต้องการให้คุณเล่น นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่คุณต้องรับผิดชอบในการลงมาตั้งรับ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบเพื่อทีม หวังว่าความยืดหยุ่นในการเล่นได้หลายตำแหน่งของผมจะเป็นประโยชน์ต่อทีม"
นักเตะมีแนวโน้มที่จะเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางได้ดีเมื่อมีอายุมากขึ้น คุณคิดว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
"เกมส่วนมากเอาชนะกันได้จากการคุมเกมในแผงกองกลาง คุณได้เห็นรอย คีน ลงเล่นมาหลายปีและวิธีการที่เขาควบคุมเกม นั่นเป็นหนึ่งในความสามารถที่ยิ่งใหญ่ของเขา จากตำแหน่งกองกลางคุณสามารถเร่งความเร็วของเกมได้และเติมเกมรุกขึ้นไปถ้าคุณต้องการทำประตู แต่ก็มีบางเวลาที่คุณต้องชะลอความเร็วของเกมให้ช้าลงและนำความแน่นอนมาสู่ทีมถ้าคุณต้องการรักษาประตูที่นำอยู่เอาไว้ การเล่นในตำแหน่งนั้นให้ได้ดีคุณต้องมีประสบการณ์, ความรอบรู้ในเกม และสิ่งเหล่านั้นจะมีได้จากการลงเล่นในพรีเมียร์ชิพติดต่อกันทุกสัปดาห์และการลงเล่นพบกับทีมที่ดีที่สุดในยุโรป นั่นเป็นสาเหตุที่มิดฟิลด์ตัวกลาง, กัปตันทีม และผู้เล่นที่ทรงอิทธิพลในทีมจะเป็นนักเตะที่มีอายุมากขึ้นหรือมีประสบการณ์สูง"
รอย คีน มีอิทธิพลต่อคุณมากแค่ไหน?
"รอย เป็นที่ปรึกษาที่ดีเสมอ แต่คุณไม่สามารถไปถามเขาได้ทุกเรื่อง บางครั้งวิธีการที่ดีที่สุดคือดูวิธีการเล่นของนักเตะและเลือกเอาสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีแล้วปรับให้เข้ากับเกมของคุณ เขาจะมาหาคุณในช่วงฝึกซ้อมหรือหลังจบเกม และให้คำแนะนำกับคุณ เขาจะพูดสิ่งเหล่านี้เพราะเขาเอาใจใส่ในทีมและเขาต้องการให้ทีมทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งสำคัญที่ผมได้รับก็คือการได้ดูเขาจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ในเกม และวิธีการที่เขาใช้ในแต่ละเกมและการจัดการกับคู่แข่งที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วเขาจะทำได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับการเรียนรู้และการเคารพยกย่อง ผมจะไม่ลืมสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเขาเลย"
มีการเปลี่ยนแปลงในแผงกองกลางหลายตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้ มันทำให้การเรียนรู้ของคุณลำบากขึ้นหรือเปล่า?
"มีนักเตะในตำแหน่งกองกลางมากมายที่สโมสรแห่งนี้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ถ้าคุณได้ลงเล่นมันก็เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุด คุณได้สัมผัสเกมพรีเมียร์ชิพ, แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ มันเป็นเกมสำคัญทั้งนั้น นั่นเป็นวิธีการที่นักเตะชุด class of '92 ได้เรียนรู้ พวกเขาถูกโยนลงสระน้ำทางฝั่งน้ำลึกเลยทีเดียว ถ้าคุณไม่จมน้ำก็จะว่ายน้ำเป็นได้เลย เมื่อคุณต้องเรียนรู้วิธีการปรับสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดให้เข้ากับตัวเอง มันก็เป็นการศึกษาด้านฟุตบอลที่ดีที่สุดที่คุณจะสามารถมีได้"
ผู้จัดการทีมกล่าวว่าคุณเป็นคนผอมแห้ง นั่นเป็นข้อดีของเขาล่ะ...
"[หัวเราะ] ผมว่ามันก็เป็นความคิดเห็นที่เหมาะสม ผมออกกำลังกายในโรงยิมอย่างหนักแต่ผมไม่เห็นว่าจะมีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้นตรงส่วนไหนเลย มันคงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ช้าแต่แน่นอน แต่ผมคิดว่าผมฟิตสมบูรณ์ดีและผมสามารถวิ่งขึ้นวิ่งลงไปทั่วสนามได้"
คุณคงไม่มีทางมีรูปร่างแบบเวย์น รูนี่ย์ ได้...
"ก็คงจะอย่างนั้นแหละ บางทีก็มีเรื่องกังวลในตอนที่ผมอายุน้อยกว่านี้ว่าผมอาจจะเล่นฟุตบอลไม่ได้ แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาเรื่องใหญ่ ผมยินดีที่จะมีรูปร่างแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ผมต้องเรียนรู้ที่จะใช้งานความแข็งแกร่งที่ผมได้รับและพยายามและพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก"
