ไรอัน กิ๊กส์ ย้ายจาก เวลส์ มาอยู่ที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ในตอนนั้นเขาเล่นให้กับทีมเยาวชนของสโมสร ดีน ซึ่งเป็นที่แรกที่เขาได้เรียนรู้การเล่นฟุตบอล โค้ชของเขาในตอนนั้นคือ เดนิส สโคฟิลด์ ซึ่ง กิ๊กส์ ถูก เดนิส ส่งไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนกระทั่งอายุได้ 14 ปี ในวันเกิดปีที่ 14 ของเขา อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เดินทางไปที่บ้านของเขาใน สวินตัน เมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อติดต่อนักฟุตบอลหนุ่มน้อยผู้นี้ไปร่วมทีม
หลังจากที่ เฟอร์กี้ ได้ฟังคำยืนยันจากหัวหน้าสเกาต์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือ เคน บาร์เนส ว่าทางสโมสรจะไม่เซ็นสัญญากับนักเตะผู้นี้ และนั่นก็ทำให้พวกเขาสูญเสียอย่างมหาศาลกับสิ่งที่พวกเขาปล่อยให้หลุดลอยไป ซึ่งกลับเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลาต่อมา
ขณะที่ กิ๊กส์ อายุได้ 16 ปี เขาก็ได้เซ็นสัญญาร่วมทีมสมัครเล่น (YTS) และเริ่มเล่นเป็นอาชีพเมื่อเดือน พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1990 หลังวันเกิดครบรอบ 17 ปี เพียงไม่นาน ทั้งๆ ที่เขาเคยเป็นกัปตันทีม England Schoolboys แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงที่เขาเรียนในอังกฤษเท่านั้น เขาก็ไม่สามารถเล่นให้ทีมชาติอังกฤษได้ เพราะเขาเกิดและเติบโตที่ เวลส์ ทั้งพ่อแม่ และญาติพี่น้องก็เป็นคนชาติ เวลส์ ดังนั้นเขาจึงต้องเล่นให้กับทีมชาติ เวลส์ เท่านั้น จะเป็นทีมอื่นไปไม่ได้
การลงเล่นนักแรกในลีกให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1991 เขาต้องลงสนามกับทีมพบกับ เอฟเวอร์ตัน ในสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเป็นตัวสำรอง และลงเล่นแทน เดนิส ไอร์วิน และการลงเล่นในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมทช์ ครั้งแรกของเขาก็เป็นช่วงท้ายฤดูกาล โดยที่เขาสามารถทำประตูแรกให้กับทีมได้ และเป็นประตูเดียวที่เขาทำได้ในฤดูกาลนั้น
จากอาการบาดเจ็บของ ลี ชาร์ป ในช่วงต้นฤดูกาล 1991/92 ทำให้ ไรอัน กิ๊กส์ ได้มีโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ โดยเล่นในตำแหน่งที่เขาถนัดคือ ปีกซ้าย จากการลงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขาได้รับแชมป์กับทีมในทุกๆ ถ้วย เช่น ลีก คัพ ในปี ค.ศ. 1992 ลีก แชมเปี้ยนชิพส์ (พรีเมียร์ ลีก) ในปี ค.ศ. 1993, 1994, 1996, 1997, 1999, 2000 และ 2001 เอฟเอ คัพ ในปี ค.ศ. 1994, 1996 และ 1999 และถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี ค.ศ. 1999
กับประสบการณ์ระดับชาติเขากลายเป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นให้กับทีมชาติ เวลส์ โดยนัดแรกกับทีมชาติเขาต้องเผชิญหน้ากับ เยอรมนี ด้วยวัย 17 ปี กับ 321 วัน
ไรอัน กิ๊กส์ ทำประตูที่สุดสวยและน่าจดจำให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากมาย และนั่นก็รวมถึงประตูที่เขายิงให้กับทีมในศึก เอฟเอ คัพ รอบ semi-final ที่พบกับ อาร์เซนอล ที่ วิลล่า พาร์ค ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1999 ด้วย ในขณะนั้นเป็นช่วงนาทีสุดท้ายของการต่อเวลา และสกอร์ก็เสมอกันอยู่ที่ 1 - 1 หากจบเกมด้วยการเสมอก็จะต้องมีการยิงลูกโทษ แต่ กิ๊กส์ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยเลี้ยงบอลตรงไปยังแนวรับของ อาร์เซนอล และลากหลบนักเตะทีมคู่แข่งถึง 4 คน ก่อนสับไกยิงเต็มข้อ เดวิด ซีแมน หมดสิทธิ์เซฟ ลูกพุ่งเข้าตุงตาข่ายอย่างสวยงาม ทำเอานักวิจารณ์หลายต่อหลายคน ยกให้เป็นประตูสุดสวยแห่งศตวรรษเลยทีเดียว ซึ่งชัยชนะในนัดนี้เป็นหนึ่งในสามแชมป์ที่ทีมปีศาจแดงทำได้ในฤดูกาลนี้
ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมทำให้แฟนบอลต่างก็ส่งเสียงเชียร์เขา พร้อมทั้งแต่งเพลง "Giggs will tear you apart again" เพื่อร้องเชียร์เขาในสนามด้วย
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พูดถึง ไรอัน กิ๊กส์ ก่อนเริ่มฤดูกาล 2000/01 ว่า "ผมรู้ตั้งแต่นัดแรกที่เขาลงเล่นให้กับทีมเลยว่าเขามีความสามารถ และมีพรสวรรค์ และเขาก็เป็นนักเตะที่พิเศษมากคนหนึ่งตลอดช่วง 10 ปีมานี้ เมื่อใดเขาเล่นได้เต็มที่ตามความสามารถของเขาเอง น้อยคนนักที่จะตามจับเขาได้ น้อยคนที่มีฝีเท้าและการทะลุทุลวงอย่างเขา เมื่อเขาได้จับบอล มันเหมือนกับว่าเขาวิ่งได้โดยไม่มีบอลติดเท้านั่นล่ะ"
"เขาทำให้แนวรับฝั่งตรงข้ามหัวปั่น และนอกจากพรสวรรค์ที่เขามีแล้ว เขาก็ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อทีมด้วย"
จากนั้นก็มีข่าวคราวการย้ายทีมของเขามากมาย แต่ข่าวลือทุกข่าวก็จบลงเมื่อเขาตัดสินใจเซ็นสัญญาอยู่กับทีมไปอีก 5 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เขากล่าวว่า "ผมหวังว่าปีที่ดีที่สุดของผมกำลังจะมาถึง ผมอายุ 27 ปีแล้วและอีก 3 - 4 ปีข้างหน้า อาจเป็นช่วงสูงสุดในอาชีพค้าแข้งของผม"
10 วันหลังจากนั้น เขาก็ทำประตูให้กับทีมได้ในการแข่งขันกับ โคเวนทรี ซิตี้ ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด และนั่นก็เป็นส่วนช่วยในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิพ ครั้งที่ 7 ของเขา เขาทำประตูที่ 100 ในกับตัวเขาเองในการเล่นให้ทีมปีศาจแดงในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2002 ในนัดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับเชลซี 2 - 2 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
ลูกคนแรกของเขากับคู่หมั้น สเตซี่ย์ เป็นลูกผู้หญิง ชื่อ ลิเบอร์ตี้ ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2003 แต่ข่าวดี ก็มาเกิดในช่วงที่ไม่ค่อยดีนักในอาชีพของเขา เพราะช่วงปลายฤดูกาลเขามีฟอร์มการเล่นที่ไม่ค่อยดีนัก ตามมาด้วยเสียงโห่ โดยเฉพาะในนัดที่เขาลงเล่น เวอร์ธิงตัน คัพ รอบ semi-final ที่พบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด จากแฟนบอลของเขาเอง ซึ่งนั่นถือเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์จากผู้ที่เคยให้การสนับสนุนเขามาโดยตลอด สร้างความกดดันให้กับเขามากทีเดียว
แต่ด้วยความกดดันกลับทำให้เขาฮึดสู้ และกลับมาด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีอีกครั้ง ในนัดที่พบกับทีม ยูเวนตุส ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยประตูที่เกิดขึ้นใน สตาดิโอ เดลเล อัลปิ ทำให้ทุกเสียงโห่ต้องเงียบกริบ และเตือนความทรงจำของแฟนๆ ว่าพวกเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป...
แม้ว่าจะยังมีข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายทีมอยู่เสมอ แต่มันก็เริ่มเบาบางลง และ กิ๊กซี่ ก็ยังคงเป็นนักเตะที่สร้างสรรค์เกมได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และตามด้วยการคว้าแชมป์ลีก เป็นครั้งที่ 8 กับทีมในปี 2002/03 และ แชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2003/04
เกียรติประวัติกับทีม
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2008
อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ 1999
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1998-1999, 2007-2008
พรีเมียร์ ลีก 1992-1993, 1993-1994, 1995-1996, 1996-1997, 1998-1999, 1999-2000, 2000-2001, 2002-2003, 2006-2007, 2007-2008, 2008-2009, 2010-2011, 2012-2013
เอฟเอ คัพ 1993-1994, 1995-1996, 1998-1999, 2003-2004
ลีก คัพ 1991-1992, 2005-2006, 2008-2009
ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1991
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 1993, 1994, 1996, 1997, 2003, 2007, 2008, 2010, 2013
เกียรติประวัติกับทีมสำรอง และเยาวชน
เอฟเอ ยูธ คัพ 1991-1992
แลงคาเชียร์ ลีก ดิวิชั่น 1 1990-1991
เกียรติประวัติส่วนตัว
PFA Players' Player of the Year 2009
BBC Sports Personality of the Year 2009
Honorary Master of Arts (Salford) 2008
OBE (Order of the British Empire) 2007
PFA Team of the Century 2007
PFA Team of the Year 2009, 2007, 2001, 1998, 1996, 1995, 1994, 1993
United Players' Player of the Year 2006
Wales Player of the Year 2006, 1996
English Football Hall of Fame inductee 2005
Premier League Team of the Decade 2003
Intercontinental Cup Most Valuable Player 1999
Sir Matt Busby Player of the Year 1998
European Under-21 Footballer of the Year 1993
PFA Young Player of the Year 1992, 1993
Jimmy Murphy Young Player of the Year 1991, 1992
|